อยู่เจริญกระทุ้งยอดครึ่งปีหลังผุดโปรซื้อบ้านแถมคอนโด!หั่นราคาลง5ล้าน

นายชนฐนพค์ รุ่งโรจน์ธนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อยู่เจริญ เอสเตท จำกัด  กล่าวว่าครึ่งแรกปี 2565 ตลาดอสังหาฯชะลอตัว แต่หลังจากที่ภาครัฐผ่อนคลายมาตรการต่างๆเพิ่มมากขึ้น คาดว่าครึ่งปีหลังภาพรวมตลาดอสังหาฯจะดีขึ้น เนื่องจากชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศมากขึ้นทำให้ผู้คนกลับมามีรายได้มากขึ้นโดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยว

ดังนั้นเพื่อรองรับกับกำลังซื้อที่กลับมา บริษัทจึงหันมาโฟกัสโครงการที่เปิดการขายในปี 2564 ที่ผ่านมา  ซึ่งประกอบด้วย  โครงการ“อยู่เจริญ เรสซิเด้นท์ ทาวน์ อิน ทาวน์” เป็นคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์สูง7 ชั้น สไตล์ โมเดิร์น เจแปนนิชขนาด 34.75-60 ตารางเมตร ราคา 3.4-5 ล้านบาท จำนวน 208 ยูนิต

ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 60% แต่จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ช่วง 2ปีที่ผ่านมาทำให้ยอดขายชะลอตัว รวมทั้งสัดส่วนลูกค้าที่กู้ไม่ผ่านสูงถึง 20-30%  ทำให้มียอดโอนแค่ 10%

    ส่วนโครงการ “บ้านอยู่เจริญ ทาวน์ อิน ทาวน์”ที่พัฒนาในรูปแบบโฮมออฟฟิศ สูง 4.5 ชั้น ขนาด 41-66 ตารางวา พื้นที่ใช้สอยกว่า 431 ตารางเมตร ราคา 38-48 ล้านบาท จำนวน 14 ยูนิต  มูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท  ปัจจุบันมียอดจอง 2-3 ยูนิต

 โดยในช่วงโควิด-19 กำลังระบาด ได้ส่งผลกระทบจากมาตรการของภาครัฐที่สั่งประกาศปิดแคมป์คนงาน และไซต์งานก่อสร้าง ทำให้การก่อสร้างหยุด 2 เดือนส่งผลให้ลูกค้ายกเลิกสัญญา

ขณะที่โครงการ“บ้านอยู่เจริญ อีสต์วิลล์” ที่อยู่ในซอยนาคนิวาส 6 ด้านหลังเซ็นทรัล เฟสติวัล อีสต์วิลล์ ซึ่งพัฒนาในรูปแบบของบ้านแฝด 8 ยูนิต และทาวน์โฮม 20 ยูนิต รวม 28 ยูนิต สไตล์ปัลลาดี มีที่ดินตั้งแต่ 38-50 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 355-430 ตารางเมตร ราคาขายเริ่มต้น 40-60 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,200-1,500 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายไม่ถึง 10% เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่ต้องการรอดูบ้านตัวอย่างที่ก่อสร้างแล้วเสร็จในเดือนก.ย.นี้ 
   
 นายชนฐนพค์  กล่าวว่า ครึ่งปีหลังบริษัทได้จัดแคมเปญแรงออกต้อนรับการเปิดโครงการ (Pre-sale)โครงการ“บ้านอยู่เจริญ ทาวน์ อิน ทาวน์” ซึ่งเป็นโฮมออฟฟิศ ด้วยการให้ส่วนลดถึง 5 ล้านบาทในราคาเริ่มต้น 33 ล้านบาทจากเดิมราคา 38ล้านบาท หรือลูกค้าสามารถจะเป็นซื้อบ้านแถมคอนโดฯหรู “อยู่เจริญ เรสซิเด้นท์ ทาวน์ อิน ทาวน์” มูลค่า 3.4 ล้านบาท รวมทั้งใช้งบลงทุนกว่า 3% ของมูลค่าโครงการในการสื่อสารครบวงจรผ่านสื่อ  Offline และ Online เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย 
 

 ทั้งนี้เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้ประกอบการเจ้าของกิจการคนรุ่นใหม่ที่ผันตัวเป็นผู้ทรงอิทธิพลทางความคิด(KOL/Influencer)คอนเทนต์ ครีเอเตอร์ ยูทูปเบอร์ ฯ  ที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยหรือซื้อเพื่อลงทุน เนื่องจากเป็นทำเลที่ใกล้ย่านใจกลางธุรกิจใหม่ (New CBD)อย่างรัชดา-พระราม 9 จึงสามารถเชื่อมต่อทุกการเดินทางได้อย่างสะดวก เช่น รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน หรือรถไฟฟ้ามหานครสายเฉลิมรัชมงคล (MRT) และยังมีส่วนต่อขยายเชื่อมเป็นวงแหวนในอนาคต
 

 นายชนฐนพค์  กล่าวต่อว่า   เดิมบริษัทมีแผนจะเปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยว ระดับลักชัวรี สูง 2 ชั้นครึ่ง ย่านรามอินทรา 57  บนพื้นที่ประมาณ 1-2 ไร่ จำนวน 3 ยูนิต ในราคา 28 ล้านบาท มูลค่าโครงการ90 ล้านบาท แต่ด้วยปัจจัยลบจากอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ภาวะเงินเฟ้อ ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นจากสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งมีผลกระทบกับกำลังซื้อ จึงชะลอแผนการพัฒนาออกไปก่อนจนกว่าสถานการณ์ดีขึ้น รวมทั้งการพัฒนาโครงการย่านรามอินทรา กม.2 จำนวน 200 ไร่ มีแผนจะพัฒนาในรูปแบบของมิกซ์โปรดักส์  ,ที่ดินย่านพุทธมณฑล สาย 2 จำนวน 100 ไร่ และซอยสุขุมวิท 49 ติดคลองแสนแสบ ประมาณ 8 ไร่  คาดว่า ใช้เวลา2ปี