เปิด ‘เอ็นพีแอล’10 ธนาคารพาณิชย์ ก่อนจัดตั้ง ‘JV AMC’ลดหนี้เสีย

เปิดหนี้เสีย 10ธนาคารพาณิชย์ ก่อนทยอยเห็นแบงก์จัดตั้ง JV AMC ตามนโยบายธปท. หลัง “กสิกรไทย”เจ้าแรก ประเดิมประกาศตั้ง “เจเค เอเอ็มซีร่วม เจเอ็มที ระบายหนี้เสียออกจากแบงก์5หมื่นล้าน
ภายใต้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)ของธนาคารพาณิชย์ ที่ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แม้จะไม่เห็นการเพิ่มขึ้นก้าวกระโดด แต่ก็เป็นการขยับเพิ่ม หากทั้งมูลค่าหนี้ และสัดส่วนหนี้เสียต่อสินเชื่อในภาพรวม แม้จะสินเชื่อจะยังอยู่ภายใต้มาตรการช่วยเหลือของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) จากผลกระทบของไวรัสโคโรนา สายพันธ์ใหม่ หรือโควิด-19
แม้หนี้เสียไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ แต่ปัญหาหนี้เสียที่ยังไม่หยุดก็สร้างความกังวลให้กับ “สถาบันการเงิน” เพราะเมื่อไหร่ที่มาตรการช่วยเหลือทางการเงินหมดสิ้น ลูกหนี้เหล่านี้อาจไม่สามารถประคองตัวเอง และกลับมามีรายได้ และชำระหนี้ได้ปกติ ดังนั้นอาจเห็น “หนี้เสีย”ค่อยๆไหลเข้ามาในระบบธนาคารมากขึ้นหลังจากนี้
ด้าน “ธปท.” ก็เห็นถึงความกังวลดังกล่าว จึงพยายามออกมาตรการช่วยเหลือทางการเงิน ทั้งช่วยฝั่งแบงก์ และฝั่งลูกหนี้ ให้อยู่รอดได้ในระยะยาว รวมไปถึง มาตรการส่งเสริมในการจัดตั้งกิจการร่วมทุนเพื่อแก้ไขปัญหาสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ที่ออกมาในต้นปีที่ผ่านมา
โดยเปิดทางให้ธนาคารพาณิชย์ สามารถจัดตั้งบริษัทร่วมทุน ร่วมกับบริษัทบริหารสินทรัพย์ได้ เพื่อหวังช่วยแบงก์ให้มีกลไก ในการเข้าไปแก้ไขปัญหาหนี้เสียทั้งที่อยู่ในระบบวันนี้ และที่กำลังจะทะลักเข้ามาในอนาคต ให้ได้รับการแก้ไขรวดเร็วขึ้น ง่ายขึ้น
โดยการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนแก้หนี้เสียครั้งนี้ กสิกรตั้งเป้า จะขายหนี้เสียออกมาภายในปีนี้ 50,000 ล้านบาท ให้กับบริษัท JK AMC เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้เสียของธนาคาร ซึ่งหากเทียบกับหนี้เสียที่กสิกรไทยมีอยู่ในระบบวันนี้ ก็ถือว่า ขายไปครึ่งๆ กับหนี้เสียที่ถืออยู่
ซึ่งจะทำให้ “หนี้เสีย”ของกสิกรไทยลดลงทันที ตั้งแต่วันแรกที่ตัดสินใจขายหนี้เสียออกไป ซึ่งก็คือ สิ้นไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ก้อนแรกที่ 30,000 ล้านบาท
ดังนั้นแน่นอน สิ่งที่อาจเห็นในผลประกอบการ ไตรมาส 2 ปี 2565 ของกสิกรไทยปีนี้ ก็อาจเห็นหนี้เสียลดลงไปอย่างฮวบฮาบ หากจำนวนหนี้เสีย และสัดส่วนหนี้เสียในระบบ ที่วันนี้ มีหนี้เสียรวมอยู่ที่ 106,481 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนหนี้เสียที่ 3.78% หากเทียบกับสินเชื่อทั้งหมด
นอกจากกสิกรไทย ก็มีข่าวว่าหลายธนาคารพาณิชย์อยู่หว่างการจัดตั้ง JV AMC เช่นเดียวกัน ที่ชัดๆคือ ธนาคารทีเอ็มบีธนชาต หรือttb ที่มีข่าวว่าแอบซุ่ม AMC รายใหญ่ที่อยู่ย่านเดียวกันด้วย
ล่าสุด “ธปท.”ก็ระบุว่า มีธนาคารพาณิชย์ เข้ามาหารือกับธปท.หลายราย ในการจัดตั้ง JV AMC ซึ่งคาดว่าจะทยอยเห็นมากขึ้น หลังจากนี้
หากกลับมาดู “หนี้เสีย”ของธนาคารพาณิชย์ โดยเฉพาะ 10ธนาคารพาณิชย์ โดยธนาคารที่มีหนี้เสียสูงที่สุด ณ สิ้นมี.ค. 2565 ในบรรดา 10แบงก์ คือ ธนาคารกรุงไทย(KTB) ที่มีหนี้เสียรวมที่ 106,549 ล้านบาท หรือ 3.34% ของสินเชื่อรวม
ถัดมาคือ ธนาคารกสิกรไทย(KBANK) ที่มีหนี้เสีย 106,481 ล้านบาท หรือ 3.78% และ ไทยพาณิชย์ 106,305 ล้านบาท หรือ 3.7% ส่วนธนาคารกรุงเทพ(BBL) หนี้เสียอยู่ที่ 102,342 ล้านบาท หรือ 3.3%
ขณะที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา(BBL)มีหนี้เสียทั้งระบบอยู่ที่ 46,796 ล้านบาท หรือ 2.03% ขณะที่ทีเอ็มบีธนชาต 42,144 ล้านบาท หรือ2.73%
ส่วนแบงก์ขนาดกลาง อย่างธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP)มีหนี้เสียในระบบอยู่ที่ 9,483 ล้านบาท หรือ 2.9% ส่วนซีไอเอ็มบีไทย(CIMBT) มีหนี้เสียทั้งสิ้น 8,374 ล้านบาท หรือ 3.8%
และทิสโก้(TISCO) มีหนี้เสียทั้งระบบอยู่ที่ 4,389 ล้านบาท หรือ 2.15% ส่วนธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าท์(LH) มีหนี้เสียทั้งสิ้น 5,142 ล้านบาท หรือ2.54 %
ซึ่งหากดู “หนี้เสีย”ของทั้ง 10แบงก์ข้างต้นแล้ว ก็ถือว่าไม่ได้น้อย และการลดหนี้เสียได้ก็คงทำได้ไม่ง่าย ดังนั้น JV AMC ก็ “กลไก”หนึ่งในการช่วยบริหารหนี้เสียของแบงก์ให้ลดลงได้ ซึ่งหลังจากนี้อาจเห็นหลายแบงก์เริ่มทยอยประกาศความร่วมมือในลักษณะเดียวกัน “กสิกรไทย”ก็เป็นได้
เพราะไม่เพียงแต่ “หนี้เสีย”ที่ลดลง แต่ทันทีที่ธนาคารมีการขายหนี้เสียออกจากระบบ แบงก์จะได้ 'สภาพคล่อง'คืนกลับมาทันที และสามารถดึงเงินสำรองที่ต้องสำรองเต็ม 100% จากหนี้เสียดังกล่าว มาใช้ต่อยอด ในการปล่อยสินเชื่อ สร้างการเติบโตให้แบงก์ต่อเนื่องได้ ดังนั้นจะเห็นได้ว่าประโยชน์มีมากกว่าเสียแน่นอน