ถอดรหัส "SANWA" กับนวัตกรรมอุปกรณ์ประปาครบวงจร รับมือสถานการณ์ค่าครองชีพสูง
ถอดวิธีคิด "กลุ่มบริษัทจินดาสุข" ผู้ผลิตอุปกรณ์ประปาและก๊อกน้ำ SANWA ถึงการใช้นวัตกรรม และจุดแข็งของการเป็นผู้ผลิตสินค้าจากทองเหลืองครบวงจร สู้สถานการณ์ราคาซัพพลายเชนขึ้นสูง พร้อมลงทุนเต็มรูปแบบ รุกตลาดอาเซียน
ถ้าพูดถึงอุปกรณ์ประปา ก๊อกน้ำ ทั้งในระดับครัวเรือนและระดับธุรกิจอุตสาหกรรม ชื่อของ "ซันวา" (SANWA) น่าจะเป็นชื่อที่หลายคนนึกถึง เพราะนี่คือแบรนด์คนไทยที่อยู่ในใจผู้บริโภคมานาน มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่และสื่อสารการตลาดให้เป็นที่จดจำอยู่เสมอ
ด้วยสโลแกน "ทองเหลือง ทน ไม่เป็นสนิม" รวมไปถึงภาพผู้หญิงเซ็กซี่ที่ถูกสายน้ำกระเด็นเข้าหน้า คือภาพที่ใครต่อใครต่างจดจำ "SANWA" ซึ่งก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. 2534 อยู่ภายใต้ กลุ่มบริษัทจินดาสุข ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เชื่อมโยงกับอุปกรณ์ประปาในหลายกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ประปาและก๊อกน้ำซันวา (SANWA) มาตรวัดน้ำอาซาฮี (ASAHI) ระบบบริหารจัดการน้ำอัจฉริยะ ดราโก้ (Drago) อุปกรณ์ประปาอาตาโก้ (ATACO) อุปกรณ์ประปาราคาประหยัด แรมโบ้ (RAMBO) และอุปกรณ์ประปาในห้องน้ำ ซันวา เจ็ท (SANWA JET) ซึ่งทุกแบรนด์เริ่มต้นจากกลุ่มจินดาสุข ก่อตั้งมาตั้งแต่ พ.ศ. 2493
- ชูนวัตกรรมการประปา สู้ต้นทุนการผลิตสูง
SANWA โดยกลุ่มบริษัทจินดาสุข ผ่านสถานการณ์เศรษฐกิจมาทุกยุคทุกสมัย และในช่วงโควิด-19 ตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ คุณเจษฎา จินดาสุข ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาดกลุ่มบริษัทจินดาสุข ให้สัมภาษณ์กับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า ภาพรวมของธุรกิจยังไปได้ดีจากปัจจัยของการเกิดขึ้นของโครงการอสังหาริมทรัพย์แนวราบที่มากขึ้น การก่อสร้างและซ่อมแซมบ้าน ประกอบกับประเทศจีนซึ่งเป็นผู้แข่งขันรายสำคัญปิดประเทศในช่วงโควิด-19 ซึ่งส่งผลให้ยอดขายของซันวาเติบโตเฉลี่ยปีละ 10%
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่บริษัทฯ จับตาอย่างใกล้ชิดคือ สถานการณ์เศรษฐกิจหลังโรคระบาด ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนขนส่งโลจิสติกส์ ซัพพลายเชน รวมถึงทองเหลืองที่เป็นวัตถุดิบสำคัญของการผลิตอุปกรณ์ประปา มีราคาสูง และทั้งหมดนั้นกระทบกับการตัดสินใจของผู้บริโภคที่มีต่อกลุ่มอุปกรณ์วัสดุก่อสร้าง
"เราจับตาสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะประเด็นนี้กระทบกับธุรกิจในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม แต่ถึงเช่นนั้นยังมั่นใจว่าเราควบคุมปัจจัยเหล่านั้นได้ และเราลงทุนใช้นวัตกรรมเพื่อลดต้นทุนการผลิตมาอย่างน้อย 4-5 ปีแล้ว เช่น การใช้ระบบหุ่นยนต์ออโตเมชันในการผลิต การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล การประมวลผลภาพ (Image Processing) ในขั้นตอนการตรวจสอบคุณภาพสินค้า ซึ่งช่วยในการลดกำลังแรงงาน และลดต้นทุนในการผลิต เพิ่มความแม่นยำในการควบคุมคุณภาพได้มากขึ้น" คุณเจษฎา กล่าว
ยิ่งเฉพาะกับวัตถุดิบสำคัญของทองเหลือง ที่ทำให้ก๊อกน้ำมีคุณสมบัติไม่เป็นสนิม คุณเจษฎา มองว่า จุดแข็งของ SANWA คือการมีโรงงานผลิตทองเหลือง ทองเหลืองเส้น และทองเหลืองขึ้นรูป ในเครือของกลุ่มบริษัทจินดาสุข ซึ่งเป็นโรงงานแปรรูปทองเหลืองขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
"เรามีการใช้นวัตกรรมที่ช่วยลดค่าใช้จ่าย และยังเป็นเจ้าตลาดที่สามารถควบคุมวัตถุดิบได้ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ การมีโรงงานผลิตทองเหลือง มีผลอย่างมาก เพราะเราสามารถควบคุมต้นทุนการผลิต บริหารจัดการสต๊อกวัตถุดิบได้ดีในช่วงวิกฤติ และมีศักยภาพในการต่อรอง เมื่อเราคลุกคลีกับเรื่องนี้มาตลอด เราจึงชำนาญและควบคุมคุณภาพได้ ไม่ว่าจะสถานการณ์ไหนๆ" คุณเจษฎา กล่าว
- ดันสินค้านวัตกรรม พร้อมลุยตลาดอาเซียน
สำหรับกลุ่มลูกค้าของซันวานั้น คุณเจษฎา แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ
- ผู้ให้บริการน้ำ เช่น หน่วยงานราชการ การประปา ทั้งไทยและต่างประเทศ
- งานโครงการเอกชน บ้านแนวราบ คอนโดฯ ตึงสูง
- กลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ต้องใช้น้ำในการผลิตสูง เช่น อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม
คุณเจษฎา กล่าวต่อว่า ลูกค้าของเราอยู่ทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยในประเทศไทยมีสัดส่วนอยู่ที่ 70% ของทั้งหมด และอีก 30% ที่เหลือคือส่งออก โดยสัดส่วนของการส่งออกจะเป็น 2 กลุ่มใหญ่คือกลุ่มประเทศตะวันออกกลางและในทวีปแอฟริกา และในตลาดกลุ่มประเทศอาเซียนซึ่งอยู่ในช่วงการก่อสร้างเมกะโปรเจกต์จำนวนมาก
"เราวิเคราะห์ตลาดได้ว่า ตลาดต่างชาติในฝั่งตะวันออกกลางต้องการสินค้าการประปาที่มีคุณภาพเทียบเท่าสากล และราคาต่ำกว่าผู้ผลิตจากฝั่งยุโรป ซึ่งสินค้าจากไทยตอบสนองจุดนี้ได้ ทำให้เป็นที่ยอมรับและได้ส่วนแบ่งทางการตลาด ขณะที่ตลาดกลุ่มในประเทศอาเซียน ที่เราจะโฟกัสต่อไปนี้ถือเป็นภูมิภาคที่มีการใช้งานสินค้า และวิถีชีวิตที่ใกล้เคียงกับประเทศไทย และเมื่อเราจะทำการตลาด ก็ต้องทำอย่างครบวงจร" คุณเจษฎา กล่าว
ส่วนในกลุ่มประเทศอาเซียนนี้ คุณเจษฎา มองว่า ในอีก 10 ปีต่อจากนี้ กลุ่มอาเซียนจะมีการก่อสร้างมากขึ้น และซันวาจะลงทุนในกลุ่มประเทศเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นการทำการสื่อสารการตลาด การทำแบรนด์ เพิ่มช่องทางการกระจายสินค้า และการหาพาร์ทเนอร์ในการทำธุรกิจ ตามความเหมาะสมในแต่ละประเทศ
นอกจากการโฟกัสไปยังตลาดอาเซียนแล้ว ซันวาจะเน้นสินค้านวัตกรรมให้มากขึ้น จากเดิมที่มีสัดส่วนการขายประมาณ 5% จากพอร์ตสินค้าทั้งหมด จะถูกขยับเป็น 20-30% ซึ่งเมื่อโฟกัสไปที่สินค้านวัตกรรมแล้ว นั่นหมายความว่า SANWA ต้องมองหาพาร์ทเนอร์ ทั้งในและต่างประเทศ เช่น ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรคมนาคม ระบบอินเทอร์เน็ต และการร่วมมือกับผู้ให้บริการน้ำประปา และโปรเจกต์ต่างๆ ในแต่ละพื้นที่ เพื่อพัฒนาระบบ นวัตกรรมการบริหารจัดการน้ำอัจฉริยะ
- Drago Smart METER
ที่ผ่านมา หลายคนอาจคุ้นเคยกับก๊อกน้ำซันวา และมาตรวัดน้ำอาซาฮีซึ่งเป็นสินค้าหลักของกลุ่มจินดาสุขมาหลายสิบปี แต่ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา กลุ่มจินดาสุขได้ให้ความสำคัญกับการใช้นวัตกรรม ในการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ
ในขณะนี้ ได้โฟกัสไปที่ผลิตภัณฑ์ DRAGO SMART WATER SOLUTION ซึ่งเป็นระบบ บริหารจัดการน้ำ ที่ประกอบด้วยมาตรวัดน้ำอิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์รับและแปลง สัญญาณข้อมูล และ Software บริหารจัดการน้ำที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถอ่านค่าน้ำ และแจ้งเตือนน้ำรั่วไหล และพิมพ์บิลค่าน้ำอย่างแม่นยำถูกต้องได้อัตโนมัติ และ Real Time โดยผ่านคลื่นสัญญาณวิทยุ เข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ และมือถือ
จุดเด่นของสินค้า DRAGO SMART WATER SOLUTION คือการลบ Pain point (จุดอ่อน) ของการตรวจวัดน้ำแบบในอดีตที่ต้องพึ่งพาแรงงานมนุษย์ที่มีความผิดพลาดได้ง่าย และใช้เวลามาก
DRAGO SMART WATER SOLUTION ใช้สัญญาณวิทยุ (RF, LORA และ NB-IOT) ส่งข้อมูลจากมาตรทุกตัว ถึงแม้ว่าจะติดตั้งในจุดที่เข้าถึงยาก เข้าสู่ Server และ Cloud สามารถบริหารจัดการระบบน้ำได้แบบออนไลน์ รู้ข้อมูลการใช้นําได้ ตลอด 24 ชม. ออกบิลได้แม่นยํา รวมถึงสามารถแจ้งเตือนน้ำรั่วน้ำไหล ป้องกันการสูญเสียและสิ้นเปลืองทรัพยากร
"สิ่งสำคัญของระบบที่จะช่วยในส่วนนี้คือ ข้อมูลที่รวดเร็ว และแม่นยำ โดยการส่งสัญญาณผ่านคลื่นวิทยุ Radio frequency (RF) ลดเวลาและความผิดพลาดในการจดค่าน้ำ ผู้ใช้สามารถเฝ้าระวังความผิดปกติของการใช้น้ำที่เกิดขึ้นผ่านทาง Drago Smart Software (DSS) มี Monitoring ที่ช่วยดูแลเฝ้าระวังความผิดปกติของการใช้น้ำได้ทุกจุด และระบบนี้จะช่วยวิเคราะห์ข้อมูลการใช้น้ำ และพิมพ์บิลค่าน้ำได้อย่างแม่นยำ" คุณเจษฎา กล่าว
ผลิตภัณฑ์ของ ซันวา จึงตอบสนองผู้บริโภคในโลกอนาคต โดยนำเรื่อง Internet of Thing (IOT) มาผสานกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ซึ่งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของซันวาต่อจากนี้ จะตอบสนองเทรนด์ที่กำลังจะเกิดขึ้นอื่นๆ อีก โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาสินค้าที่ช่วยลดการสิ้นเปลืองทรัพยากร เกิดความคุ้มค่าในการใช้งานมากที่สุด หรือจะเป็นการทำธุรกิจตามแนวคิดเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) ที่ผลิตสินค้าเพื่อลดความเสี่ยงจะเกิดอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและผู้บริโภค ผ่านการใช้วัตถุดิบในการผลิตสินค้าที่เป็นวัสดุที่ปลอดภัยสำหรับน้ำดื่ม (Drinking Water Grade) ที่การันตีถึงคุณภาพน้ำที่ไม่มีสารปนเปื้อน สามารถรับประทานได้
นอกจากนี้ กลุ่มจินดาสุข ยังเดินหน้าเติมเต็มพอร์ตผลิตภัณฑ์ที่เชื่อมโยงกับการประปาคุณภาพสูงทั้งระบบ โดยได้พัฒนาสินค้าอุปกรณ์ในห้องน้ำ ในแบรนด์ SANWA JET ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2560 และเน้นสื่อสารแบรนด์ของการเป็นผลิตภัณฑ์สายฉีดชำระ และวาล์วน้ำ ก๊อกน้ำสุขภัณฑ์ ที่มีคุณสมบัติคงทน แข็งแรง
"เราศึกษาและวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์สายฉีดชำระ เพื่อให้ SANWA JET เป็นสินค้าคุณภาพมีการออกแบบใหม่ที่แก้ปัญหาการรั่วซึมได้อย่างมั่นใจ กลไกหัวฉีดประกอบขึ้นด้วยวัสดุคุณภาพสูง แกนในหัวฉีดเป็นทองเหลือง มีการควบคุมและผ่านกระบวนการตรวจสอบที่มีมาตรฐาน เพื่อให้เป็นสายฉีดชำระที่ทนทาน ทั้งยังมีสายน้ำที่ นุ่มนวล และมีราคาที่สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน" คุณเจษฎา ทิ้งท้าย
ทั้งหมด คือสิ่งที่ กลุ่มจินดาสุข ได้ทำ และตอกย้ำแบรนด์ที่อยู่คู่กับวงการประปาไทยมาอย่างช้านาน