อัลติจูดชูกลยุทธ์สร้างประการณ์ผ่าน3โมเดลตอบโจทย์คนยุคใหม่
“อัลติจูด ” กางแผนเชิงรุกโตสวนกระแสวิกฤตความผันผวน ชูกลยุทธ์สร้างประสบการณ์ที่อยู่อาศัยผ่าน 3 โมเดลตอบโจทย์การใช้ชีวิตคนยุคใหม่ ระบุครึ่งปีลุยเซกเมนต์ใน5 โครงการ มูลค่ากว่า 1.1หมื่นล้านเผยตามแผนเติบโต3 เท่าใน 2ปี
นายชยพล หรรรุ่งโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวว่าภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ปีนี้เริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นจากการที่ไทยสามารถเปิดประเทศได้ คาดว่าจะมีกำลังซื้อจากในประเทศ รวมทั้งต่างประเทศให้กลับเข้ามา และส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทยค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้น แม้จะมีภาวะของเงินเฟ้อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่เป็นตัวกดดันภาวะเศรษฐกิจ แต่การที่กิจกรรมเศรษฐกิจในประเทศเริ่มดำเนินการได้ ภาคการท่องเที่ยวและส่งออกเริ่มฟื้นตัวได้ ในช่วงปลายปี 2565 จนถึงตลอดปี 2566 ก็จะทำให้เศรษฐกิจไทยที่ค่อนข้างซบเซาในเวลากว่า 3 ปีกระเตื้องขึ้น
ขณะเดียวกันอสังหาฯบางเซกเมนต์ที่กลุ่มลูกค้ายังมีกำลังซื้อและมีดีมานด์ในฐานะนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จะต้องศึกษาตลาดให้ดีและปรับตัวตามรูปแบบการใช้ชีวิตของคนในยุคปัจจุบันที่เปลี่ยนไป ดังนั้น บริษัทจึงมุ่งเน้นแผนงานธุรกิจที่มีความยืดหยุ่นสูงสามารถปรับตัวและกลยุทธ์ให้สอดรับกับสถานการณ์และวิถีการใช้ชีวิตและพฤติกรรมของคนในยุคสมัยปัจจุบัน จึงทำให้โครงการของบริษัทได้ผลตอบรับอย่างดีจากลูกค้าและส่งผลต่อภาพรวมธุรกิจของบริษัทให้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง
โดยในปีนี้ บริษัทเดินหน้าด้วยกลยุทธ์ ภายใต้แนวคิด THE F1RST EXPERIENCE OF LIVING “ประสบการณ์ที่อยู่อาศัยใหม่ที่ดีที่สุด” นับเป็นความตั้งใจของบริษัทฯ ที่ต้องการยกระดับการอยู่อาศัยและส่งเสริมคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนให้ดียิ่งขึ้น ตั้งแต่การเลือกทำเลที่ดี มีความเป็นส่วนตัวสูง ใกล้รถไฟฟ้าและทางด่วน เพื่อการคมนาคมที่เชื่อมต่อศูนย์กลางธุรกิจได้มากยิ่งขึ้น
รวมถึงออกแบบดีไซน์ฟังก์ชัน ให้รองรับพื้นที่การใช้งานได้จริง สามารถปรับเป็นมุมทำงาน มุมทำกิจกรรมส่วนตัว เพื่อสร้างสรรค์แรงบันดาลใจใหม่ ๆ ให้ผู้อยู่อาศัยสามารถสร้างอาชีพและสร้างรายได้เสริมได้ นอกจากนี้ยังช่วยลดค่าใช้จ่าย ลดต้นทุนการใช้ชีวิตในแต่ละวัน
ทั้งนี้ แนวคิดนี้ถูกแบ่งสัดส่วนออกเป็น 3 โมเดลด้วยกัน ได้แก่ 1. THE F1RST EXPERIENCE อัลติจูดมุ่งมั่นมอบไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่แตกต่างให้ที่อยู่อาศัยกลายเป็นคอมมูนิตี้เล็ก ๆ เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นของความสุขและรอยยิ้มที่ยิ่งใหญ่ ผ่านกิจกรรมสุดคูล ALTSO l Share to Change (อัลติจูดโซไซตี้) หนึ่งในแคมเปญสำหรับลูกบ้าน เป็นครั้งแรกที่โครงการได้จัดพื้นที่ให้ลูกบ้านได้สร้างรายได้จากไลฟ์สไตล์ส่วนตัวที่ชอบ กิจกรรมเหล่านี้สามารถสร้างคอมมูนิตี้ แลกเปลี่ยนผลงาน สร้างรายได้ ผ่านทางแอพพลิเคชั่นสำหรับลูกบ้านอย่าง Altitude Alive
2. THE F1RST FACILITY ครั้งแรกกับส่วนกลางที่เติมเต็มทุกไลฟ์สไตล์ เพื่อสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหญ่ผ่านประสบการณ์การใช้ชีวิตอย่างขีดสุด บริษัทฯ มุ่งมั่นตั้งใจให้พื้นที่ส่วนกลางเป็นที่แห่งการเรียนรู้ และสามารถแสดงตัวตนได้อย่างชัดเจน และเป็นครั้งแรกที่คอนโดมิเนียมมีผับแอนด์เรสเตอรองท์ อย่าง Fallabella ของโครงการอัลติจูด ยูนิคอร์น สาทร-ท่าพระ รวมถึงคอมมูนิตี้สำหรับเด็ก ของโครงการ อัลติจูด คราฟ บางนา เช่นเดียวกับโครงการอื่น ๆ อีกมากมาย
และ 3. THE F1RST OF LIVING เป็นครั้งแรกของที่อยู่อาศัยในยุคสมัยใหม่จากการสร้าง Experience Activity และ Ecosystems ของส่วนบริหารงานนิติบุคคล มาพร้อม 2 บริการใหม่ล่าสุด ที่บริษัทฯ นำมาเพื่อบริการและอำนวยความสะดวกของลูกบ้านทุกคนได้ดียิ่งขึ้น
บริการแรก The Butler Service พบกับ 8 Lifestyle Services ผู้ช่วยส่วนตัวระดับวีไอพี ในการดูแลและบริการตั้งเเต่ด้านไลฟ์สไตล์ส่วนบุคคล ทริปท่องเที่ยว สุขภาพ และกว่าอีก 100 รายการ และอีกหนึ่งบริการ คือ ASI Service ผู้ช่วยสำคัญในการดูแลจัดการงานระบบและงานซ่อมบำรุงภายในบ้าน เช่น ระบบไฟฟ้า ระบบประปา ระบบความปลอดภัยของวัสดุภายในบ้าน เพื่อให้ลูกบ้านมีความมั่นใจและรู้สึกปลอดภัยตลอดการอยู่อาศัยในทุกโครงการของอัลติจูด
“ทั้งหมดนี้ คือกลยุทธ์หลักที่เป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรให้เดินหน้าฝ่าทุกข้อจำกัด ผ่านแนวคิด “THE F1RST EXPERIENCE OF LIVING” เรามีความมุ่งมั่นตั้งใจและพัฒนาโครงการให้เป็นจุดเริ่มต้นของการส่งมอบประสบการณ์การใช้ชีวิตใหม่ที่แตกต่างกว่าที่เคย เพื่อให้บ้านเป็นมากกว่าที่อยู่อาศัย แต่เป็นพื้นที่ที่สร้างความรัก ความสุข ให้กับทุกคนในครอบครัว ทำให้ อัลติจูดฯ ก้าวขึ้นเป็นบริษัทอสังหาฯที่เติบโตแบบก้าวกระโดด” นายชยพล กล่าว
นายขวัญชัย ยิ่งเจริญถาวรชัย กรรมการบริหาร บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จากัด กล่าวว่า เทรนด์ตลาดที่อยู่อาศัยในยุคสมัยปัจจุบัน กระแสความนิยมเลือกทำงานที่บ้าน (Work From Home) และทำงานแบบไฮบริดคือเลือกทำที่ใดก็ได้ (Hybrid Working) มีผลต่อการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยมากขึ้น ซึ่ง “อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์” เล็งเห็นแนวโน้มและโอกาสการเติบโตสูงของที่อยู่อาศัยในยุค Next Normal ที่ผู้ซื้อบ้านจะหันมาใส่ใจและให้ความสำคัญกับการทำงานไปด้วย และได้พักผ่อนที่บ้านไปด้วย ( Work and Staycation)
โดยเลือกให้ที่บ้านเป็นทั้งสถานที่พักผ่อน สถานที่ทำงานในเวลาเดียวกัน ทั้งนี้ ในไตรมาส 3 ของปีนี้ บริษัทฯ เปิดเซกเมนต์ใหม่ “ลักซ์ชัวรี่ พูลวิลล่า” เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ใหม่ ภายใต้แบรนด์ “อัลติจูด ฟอเรสต์” (Altitude Forest) สานต่อที่อยู่อาศัยเพื่อคนรุ่นใหม่ บน 2 ทำเล มูลค่าโครงการรวมกว่า 2,000 ล้านบาท ได้แก่ อัลติจูด ฟอเรสต์ อ่อนนุช-บางนา และ อัลติจูด ฟอเรสต์ บางนา ภายใต้แนวคิด NEVER-ENDING VACATION “เลือกบ้านที่ให้การพักผ่อนของคุณไม่มีที่สิ้นสุด” ซึ่งเป็นเพียง 2 โครงการในทำเลที่ให้สระว่ายน้ำทุกหลังและกลาสเฮ้าส์
สำหรับภาพรวมธุรกิจของบริษัทฯ มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งทุก ๆ ปี โดยปัจจุบัน บริษัทฯ บริหารโครงการมาแล้วกว่า 15 โครงการ ขณะที่ในปีนี้ เดินหน้าสร้างผลงานเติบโตอย่างต่อเนื่องสวนกระแสตลาดโดยรวม คาดการณ์จะเติบโตขึ้นกว่า 425% จากปีที่แล้ว แตะระดับ 11,000 ล้านบาท
โดยจะเป็นการทยอยรับรู้รายได้จาก 7 โครงการพร้อมอยู่พร้อมโอนในไตรมาส 3 ของปีนี้ และคาดว่าจะรับรู้เป็นรายได้ในไตรมาส 4 กว่า 3,000 ล้านบาท ได้แก่ อัลติจูด ยูนิคอร์น สาทร-ท่าพระ, อัลติจูด ซิมโฟนี่ เจริญกรุง, อัลติจูด คราฟ บางนา, อัลติจูด ฟอเรสต์ อารีย์-โมนูเมนต์, อัลติจูด ฟอเรสต์ รัชดา, อัลติจูด มาสเตอรี่ สุขุมวิท, และ อัลติจูด ฟอเรสต์ อ่อนนุช-บางนา
นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งจุดแข็งของ “อัลติจูด” คือการขยายฐาน THE NEW AGENT NETWORK รวมบรรดาพาร์ทเนอร์ด้านอสังหาริมทรัพย์และการลงทุน จำนวนมากกว่า 200 คน คิดเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นกว่า 34% จากปี 2564 ซึ่งพาร์ทเนอร์ได้ให้ความสนใจกับทุกโครงการของอัลติจูดเป็นอย่างมาก
โดยบริษัทได้เตรียมเปิด 4 เซกเมนต์ใหม่ รวม 5 โครงการในไตรมาส 3-4 ได้แก่ THE F1RST MEGA MIXED-USE และ WELL-BEING ของเชียงใหม่ รวมด้านสุขภาพ รีเทล โรงแรมระดับไฮเอนด์ และคอนโดมิเนียมหรู THE F1RST ICONIC RIVERFRONT MANSION คฤหาสน์หรูริมแม่น้ำใจกลางเมือง THE F1RST LUXURY POOL VILLA 2 ทำเล และ EXPERIENCE TOWNHOME ที่ให้ประสบการณ์และฟังก์ชั่นใหม่กว่าเดิม