ปลดล็อกแรงงาน 4 สัญชาติรับเปิดประเทศ!
จากนโยบายเปิดประเทศเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งทรัพยากรแรงงาน ถือเป็นเครื่องจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยทั้งระบบ ตั้งแต่ภาคการส่งออก ภาคการผลิต การแปรรูปสินค้าวัตถุดิบในประเทศ และภาคท่องเที่ยวและบริการ
รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการแรงงานและพัฒนาฝีมือแรงงาน ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ระบุ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตั้งแต่ปี 2562 ที่ผ่านมาได้ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยเป็นวงกว้างทั้งทางตรงและทางอ้อม จากนโยบายเปิดประเทศเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งทรัพยากรแรงงาน ถือเป็นเครื่องจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยทั้งระบบ ตั้งแต่ภาคการส่งออก ภาคการผลิต การแปรรูปสินค้าวัตถุดิบในประเทศ และภาคท่องเที่ยวและบริการ
โดยผู้ประกอบการทุกภาคส่วนทางเศรษฐกิจมีความต้องการใช้แรงงานต่างด้าวเพิ่มเติมในอุตสาหกรรมมากกว่า 5 แสนคน เพื่อรองรับการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตรและอาหารเพื่อการส่งออก อุตสาหกรรมก่อสร้าง และอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการ
หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้ร่วมประชุมหารือและขับเคลื่อนเพื่อการแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวของประเทศไทย ร่วมกับกระทรวงแรงงาน กรมการจัดหางานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2565 คณะรัฐมนตรี ได้เห็นชอบเรื่องการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว สัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม เพื่อรองรับการฟื้นฟูประเทศ ภายหลังการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 โดยเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย และกระทรวงแรงงาน จำนวน 15 ฉบับแล้ว
อธิบดีกรมการจัดหางาน ไพโรจน์ โชติกเสถียร ระบุ สำหรับการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม เพื่อรองรับการฟื้นฟูประเทศภายหลังการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. เห็นชอบให้กลุ่มคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ที่ยังมีสถานะไม่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ประสงค์จะทำงานอย่างถูกต้อง ให้สามารถอยู่และทำงานเป็นการชั่วคราวไม่เกินวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 66
โดยหากประสงค์จะทำงานต่อไป สามารถอยู่และทำงานเป็นการชั่วคราวได้ไม่เกินวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 68 โดยต้องดำเนินการตามประกาศกระทรวงมหาดไทยและประกาศกระทรวงแรงงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเบื้องต้นกระทรวงแรงงานได้สำรวจข้อมูลจากนายจ้างสถานประกอบการพบว่า ยังมีความต้องการแรงงานประมาณไม่น้อยกว่า 120,000 คน
2. เห็นชอบให้กลุ่มคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา ที่มีสถานะถูกต้อง ซึ่งได้รับอนุญาตทำงานถึงวันที่ 13 ก.พ. 66 แล้วและประสงค์ทำงานต่อไป ประมาณ 1,690,000 คน (หนึ่งล้านหกแสนเก้าหมื่นคน) สามารถอยู่และทำงานได้ไม่เกินวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 68 ซึ่งประกอบด้วย กลุ่มมติ ครม. 29 ธันวาคม 63 , กลุ่มมติ ครม. 13 กรกฎาคม 64 และกลุ่มมติ ครม. 28 กันยายน 64 โดยแบ่งการดำเนินการเป็น 2 กลุ่ม
1.กลุ่มที่รับการตรวจลงตราหรือตรวจอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรฯ ภายในวันที่ 1 สิงหาคม 65 หากต้องการทำงานต่อไป ให้ยื่นขอต่อใบอนุญาตทำงานและดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนด ก่อนใบอนุญาตเดิมสิ้นอายุ เพื่อทำงานได้จนถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 68 โดยครม. เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการตรวจลงตรา ที่เดิมสิ้นสุดวันที่ 1 สิงหาคม 65 ไปจนถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 66
2. กลุ่มที่รับการตรวจลงตราหรือตรวจอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรฯ ภายหลังวันที่ 1 สิงหาคม 65 หากต้องการทำงานต่อไป ให้ยื่นขอต่อใบอนุญาตทำงานและดำเนินการ ตามขั้นตอนที่กำหนด ก่อนใบอนุญาตเดิมสิ้นอายุ โดยนายทะเบียนจะอนุญาตให้ทำงานคราวละ 1 ปี รวม 2 ครั้ง ถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 68