รู้จักกับบริษัทในกลุ่ม Biotechnology ที่รายได้ยังดีช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว
ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอน แต่บริษัทในกลุ่ม Biotechnology ทางการแพทย์ คาดว่าจะพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะความต้องการรักษาโรคยังมีความจำเป็น บวกกับนวัตกรรมทางการแพทย์ใหม่ๆ ช่วยคิดค้นยา และวัคซีนป้องกันโรคที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ในปัจจุบันเทคโนโลยีทางการแพทย์ได้มีความล้ำสมัยขึ้น ทำให้ ไบโอเทคโนโลยี ทางการแพทย์ ซึ่งคือการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีและความรู้ทางด้านชีววิทยา ได้เข้ามามีบทบาทมากขึ้น ทั้งทางด้านการผลิตยารักษาโรคที่ตรงจุดแม่นยำยิ่งขึ้น วัคซีนป้องกันโรคใหม่ๆ อย่าง COVID-19 การตรวจหาโรคต่างๆ ทางพันธุกรรมจากยีนส์ หรือการนำ Antibody มาใช้ในการผลิตยารักษาโรค ซึ่งในปัจจุบันมีบริษัทมากมายที่มีการลงทุนในการวิจัย เพื่อคิดค้นยา หรือวัคซีน รวมถึงวิธีการรักษาโรคหายากต่างๆ
รู้จักบริษัท Biotechnology ทางการแพทย์
- Regeneron - บริษัทผลิตยารักษาโรคหลากหลาย
บริษัท Regeneron เป็นบริษัทสัญชาติอเมริกัน ซึ่งถือว่าเป็นบริษัทยาขนาดใหญ่ (มูลค่าตลาด $65.7 billion เทียบกับบริษัท ปตท. มูลค่าตลาด $25.8 billion ณ วันที่ 14 ก.ค. 2022) ผลิตยารักษาหลากหลายโรค โดยตัวยาหลักของบริษัท ได้แก่ ยา Eylea ที่เป็นยาในกลุ่ม Anti-VEGF ซึ่งเป็นยาสำหรับฉีดรักษาโรคเกี่ยวกับตา เช่น โรคจอประสาทตาเสื่อมชนิดเปียก (Wet AMD) ที่มักเกิดขึ้นในผู้สูงอายุ ซึ่งจะทำให้การมองเห็นแย่ลง หรือสามารถสูญเสียการมองเห็นได้เลย หากไม่รีบทำการรักษา หรือจุดภาพชัดของจอตาบวมเนื่องจากโรคเบาหวาน (DME) หรือภาวะเบาหวานขึ้นจอตา (DR) ที่จะทำให้ผู้ป่วยมองเห็นผิดปกติ หรืออาจตามัวลง ซึ่งในการรักษาโรคเหล่านี้จะทำโดยฉีดยาเข้าไปที่ตาขาว ซึ่งถือเป็นวิธีรักษาที่ต้นเหตุ และเห็นผลเร็ว โดยมีการใช้ยา Eyelea ในการรักษาโรคเกี่ยวกับตากว่า 20 ล้านครั้งตั้งแต่ปี 2011 ซึ่งเป็นปีที่ Eyelea ได้รับการรับรองจาก FDA
สำหรับยาชนิดใหม่ที่ผ่าน FDA ในปี 2017 ได้แก่ Dupixent ซึ่งเป็นยาสำหรับโรคผิวหนังอักเสบ และ Libtayo ยาสำหรับรักษามะเร็งผิวหนัง อีกทั้งเร็วๆ นี้ Regeneron ได้ร่วมมือกับ Roche คิดค้นพัฒนายา Antibody Cocktail สำหรับรักษาผู้ป่วย COVID-19 ซึ่งตัวยาจะเข้าไปทำให้เชื้อไวรัสอ่อนกำลังลง และถือเป็นยาที่ใช้สำหรับรักษา COVID-19 โดยตรงอีกด้วย
นอกจากตัวยาต่างๆ ที่กล่าวมาแล้ว ปัจจุบันบริษัทมีการวิจัยตัวยาใหม่อย่างต่อเนื่องรวมกว่า 30 ชนิด และมีหลายตัวอยู่ใน Phase 3 ซึ่งเป็นระยะสุดท้ายก่อนยื่นขออนุมัติต่อ FDA เพื่อให้สามารถจัดจำหน่ายและใช้งานได้
- Argenx - บริษัทวิจัยและผลิตยารักษาโรคต่างๆ
Argenx เป็นบริษัท Biotechnology จากเนเธอร์แลนด์ที่วิจัยและพัฒนายารักษาโรคต่างๆ เช่น ยาโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ภาวะเกล็ดเลือดต่ำจากภูมิคุ้มกัน โรคตุ่มน้ำพองจากภูมิต้านทานบกพร่อง โดยบริษัทยังอยู่ในช่วงที่มีค่าใช้จ่ายในการลงทุนในเครื่องมือเทคโนโลยีสูง และจะร่วมมือกับบริษัทคู่ค้าเพื่อพัฒนาตัวยาต่างๆ
ปัจจุบัน บริษัทได้มีการจัดจำหน่ายยา VYVGART ซึ่งเป็นยาสำหรับผู้ป่วยกล้ามเนื้ออ่อนแรง (Myasthenia Gravis) ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน ส่งผลให้การทำงานของสารสื่อประสาทบริเวณช่องว่างระหว่างเส้นประสาทและกล้ามเนื้อบกพร่อง ทำให้ผู้ป่วยมีอาการอ่อนแรงได้หลายส่วนในร่างกาย เช่น หากอ่อนแรงที่กล้ามเนื้อตาจะทำให้หนังตาตก หรือมองเห็นภาพซ้อน หากอ่อนแรงที่กล้ามเนื้อใบหน้าและระบบทางเดินอาหารก็จะทำให้ พูดไม่ชัด เคี้ยวและกลืนอาหารลำบาก และหากอ่อนแรงที่กล้ามเนื้อแขนขา ก็จะเคลื่อนไหวได้ลำบาก โดยจะไม่สามารถเอื้อมแขนได้ ขึ้นลงบันไดไม่ได้
อีกทั้ง บริษัทอยู่ในช่วงพัฒนายาสำหรับโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง และยาสำหรับโรคเกล็ดเลือดต่ำ โดยอยู่ใน Phase 3 แล้ว ซึ่งถ้าได้รับการอนุมัติ ก็จะสามารถทำให้บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น
ภาพแสดงตัวยาที่อยู่ระหว่างการพัฒนาของบริษัท
จากการพัฒนาของเทคโนโลยี ทำให้เกิดนวัตกรรมทางการแพทย์ใหม่ๆ ซึ่งทำให้มีการคิดค้นยารักษาโรคหายากต่างๆ รวมไปถึงวัคซีนป้องกันโรคที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเราเชื่อว่าในอนาคตข้างหน้าอุตสาหกรรมไบโอเทคโนโลยีจะเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่พัฒนาได้อย่างก้าวกระโดด
บริษัท Biotechnology เหล่านี้ถือว่าเป็นบางส่วนในกลุ่มอุตสาหกรรม Healthcare ที่เชื่อว่ากลุ่มธุรกิจจะได้รับผลกระทบจำกัด ในช่วงที่เศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอน แต่ความต้องการรักษาโรคยังมีความจำเป็น ขณะที่ในอนาคตอันใกล้ยาชนิดใหม่ๆ ที่ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของ FDA หากสามารถผ่านอนุมัติได้สำเร็จ จะช่วยในการเติบโตธุรกิจของบริษัทอย่างก้าวกระโดด
ที่มา: Argenx, Regeneron, Chula Communication Center, Medparkhospital, Phyathai Hospital, Bumrungrad International Hospital, MedPark Hospital
ข้อมูล บทความ บทวิเคราะห์และการคาดหมาย รวมทั้งการแสดงความคิดเห็นทั้งหลายที่ปรากฏอยู่ในรายงานฉบับนี้ทำขึ้นบนพื้นฐานของแหล่งข้อมูลที่ดีที่สุดที่ได้รับมาและพิจารณาแล้วเห็นว่า น่าเชื่อถือ แต่ทั้งนี้ไม่อาจรับรองความถูกต้อง ความสมบูรณ์ แท้จริงของข้อมูลดังกล่าว ความเห็นที่แสดงไว้ในรายงานฉบับนี้ได้มาจากการพิจารณาโดยเหมาะสมและรอบคอบแล้ว และอาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งล่วงหน้าแต่อย่างใด บทความ บทวิเคราะห์ และการคาดหมายทั้งหลายที่ปรากฏ อยู่ในรายงานฉบับนี้เป็นการนำไปใช้โดยผู้ใช้ยอมรับความเสี่ยงและเป็นดุลยพินิจของผู้ใช้แต่เพียงผู้เดียว
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บลจ.ทิสโก้ หรือ TISCO Contact Center โทร. 0 2633 6000 กด 4, 0 2080 6000 กด 4 และ www.tiscoasset.com หรือ แอปพลิเคชัน TISCO My Funds