Sideways Up ซื้อเก็งกำไร BCH IMH MEGA (18 ก.ค. 65)

Sideways Up ซื้อเก็งกำไร BCH IMH MEGA (18 ก.ค. 65)

คาดดัชนีฯ Sideways Up แนวต้าน 1,540 / 1,551 จุด (EMA 10 วัน) แนวรับ 1,517 / 1,510 จุด แนะนำ ซื้อเก็งกำไร BCH IMH MEGA ทางเทคนิค ดัชนีฯ ระยะสั้นอาจมีการรีบาวนด์ หลังแรลลี่ในช่วงชั่วโมงสุดท้ายของการซื้อขายวันศุกร์ ขึ้นมาปิดเหนือ 1,530 จุด ได้

โมเมนตัมบวก คือ การกลับมาปิดบวกของตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เนื่องจากคลายความกังวลต่อนโยบายการเงินของเฟด หลังจาก Inflation Expectations ของมหาวิทยาลัยมิชิแกน เดือน ก.ค. ปรับลดลงจาก 5.3% เป็น 5.2% และยอดค้าปลีกสหรัฐฯ เดือน มิ.ย. เติบโต MoM สูงกว่าคาด ไฮไลท์สัปดาห์นี้ คือ การประกาศงบการเงินบจ.ไทยและสหรัฐฯ (เสี่ยงเกิด Downward Revision) ผลประชุมธนาคารกลางยุโรปและญี่ปุ่น และคาดการณ์ปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในสัปดำห์หน้า (เงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นเป็นปัจจัยหนุนการเร่งขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้น) การโหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ และ 10 รัฐมนตรีไทย

 

กลยุทธ์ลงทุน แนะนำ

+ KTX Portfolio: พอร์ต Big Cap แนะนำ GULF CRC AWC TCAP JMT CENTEL BH BEM AOT MEGA CPN MINT KTB BDMS (แนะนำซื้อ EA) และพอร์ต Mid-Small Cap แนะนำ AH BAFS DOD NER NYT RS SIS WICE PORT HFT LST TK (แนะนำขาย AGE และ AMANAH ซื้อ M)

+ 2Q22E Earnings Play: กำไรเติบโตสูง >15% YoY, 20% QoQ และมี % Upside ต่อราคาเป้าหมาย >10% แนะนำ PTT PLANB TOP CPALL BEC VGI KCE MINT SPRC MAJOR BEM

+ กลุ่มเงินบาทอ่อนค่า: TFG GFPT ASIAN TWPC SAPPE KCE MEGA

+/- กลุ่มได้ประโยชน์จากการลดลงของยิลด์พันธบัตร (ดอกเบี้ย): +ผู้ผลิตไฟฟ้า: GULF GPSC BGRIM พัฒนาอสังหาริมทรัพย์: ORI AP LH เงินทุนและหลักทรัพย์: JMT KTC MTC -ธนาคาร ประกันภัยและประกันชีวิต: BBL KBANK KKP BLA TIPH

+/- กลุ่มอิงการแพร่ระบาด COVID-19: +การแพทย์: BH BDMS BCH CHG RAM EKH อุปกรณ์การแพทย์: IMH STGT –กลุ่มเปิดประเทศ: AOT AAV BAFS CENTEL MINT ERW SHR

+/- กลุ่มอิงสินค้าโภคภัณฑ์: +Anti-Commodities Play: SCC SCGP TASCO GULF GPSC –กลุ่ม Commodities: PTTEP BANPU TOP SPRC ESSO

 

 

ปัจจัยบวก

+ USA: ผลประชุมเฟดสัปดาห์หน้าคาดว่าจะถูกปรับขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.75% ด้วยโอกาส 70% และ 1.0% ด้วยโอกาสลดลงเหลือ 30% หลังจากผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกน ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐฯ ปรับตัวดีขึ้นสู่ระดับ 51.1 ในเดือน ก.ค. ขณะที่ผู้บริโภคคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะแตะระดับ 5.2% ในช่วง 1 ปีข้างหน้า โดย ต่ำกว่าระดับ 5.3% ที่มีการสำรวจในเดือนที่แล้ว

 

ปัจจัยลบ

- Fund Flow: นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยสัปดาห์ที่ผ่านมา 31 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และเปิด Short SET50 Index Future สูงถึง -71,975 สัญญา

- USDTHB: ค่าเงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่องแตะ 36.73 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นระดับที่อ่อนค่าสุดรอบเกือบ 16 ปี ทำให้มีความเสี่ยงที่นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิ เพิ่อป้องกัน FX Loss

 

ประเด็นสำคัญ

- Earning Result: USA: GS และ BofA; Thai: หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์

 

Global Market Summary: วันทำการที่ผ่านมา

- ตลาดหุ้นไทยปิดลบเล็กน้อย: ตลาดหุ้นไทยเผชิญแรงเทขายกดดันตลอดช่วงเช้าของการซื้อขาย และลงไปทำจุดต่ำสุดที่ 1,517.51 จุด ก่อนจะมีแรงซื้อคืนชั่วโมงสุดท้าย หนุนตลาดลดช่วงลบ มาปิดตลาดที่ 1,533.37 จุด -3.45 จุด วอลุ่มซื้อขาย 6.4 หมื่นล้านบาท นำลบโดยกลุ่มธนาคาร -1.29% ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ -1.1% วัสดุก่อสร้าง -0.69% พลังงานและสาธาณูปโภค -0.61% หุ้นบวก >4% KWM COM7 SINGER KUMWEL WPH SABINA MUD NBC SPACK JTS หุ้นลบ >4% KWI RCL TNPC MSC TEAMG CPR INSET PAF TRV CAZ SCM LEO

 

+ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรปกลับมาปิดบวกส่งท้ายสัปดาห์: DJIA +2.15% S&P500 +1.92% NASDAQ +1.79% เนื่องจาก 1) การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจดีกว่าคาด โดยยอดค้าปลีกเดือน มิ.ย. +1% MoM, +8.4% YoY สูงสุดตั้งแต่เดือน พ.ย. 1981 (Vs คาด +0.8% MoM, +6.5% YoY และเดือน พ.ค. -0.1% MoM, +8.2% YoY) จากการปรับขึ้นของราคาพลังงาน ยอดขายรถยนต์ ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน +0.8% MoM (Vs เดือน พ.ค. -0.3% MoM) และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของมหาวิทยาลัยมิชิแกน เดือน ก.ค. ฟื้นตัวเป็น 51.1 (Vs คาดการณ์ที่ 50) โดยคาดว่าเงินเฟ้อในช่วง 1 ปีข้างหน้า จะอยู่ที่ 5.2% (Vs เดิม 5.3%) และ 5 ปีข้างหน้าอยู่ที่ 2.8% (เดิม 3.1%) 2. รายงานกำไร 2Q22 ที่ดีขึ้นของ United Health (หุ้นกลุ่มธนาคาร +5.8% Citigroup +13.2% Wells Fargo +6.2% UNH +5.4 (DJIA -0.16% WoW, S&P500 -0.93% WoW, NASDAQ -1.57% WoW) เช่นเดียวกับตลาดปลีก หลังจากตลาดร่วงลง 2 วันติดต่อกัน ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ, วิกฤติการเมืองในอิตาลี และภาวะเศรษฐกิจถดถอย (CAC40 +0.05% WoW, DAX -1.16% WoW, FTSE -0.52% WoW)

+/- น้ำมันดิบปิดบวก แต่ทองร่วงต่อ: WTI USD1.81 ปิดที่ USD97.59/บาร์เรล Brent +USD2.06 ปิดที่ USD101.16/บาร์เรล หลังจากสหรัฐฯ ไม่คาดหวังว่า ซาอุดีอาระเบียจะเร่งปรับเพิ่มการผลิตน้ำมันทันทีในระหว่างที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ เดินทางเยือนซาอุดีอาระเบีย (WTI -6.87% WoW, Brent -5.48% WoW) ส่วนราคาทองคำ -USD2.2 ปิดที่ USD1,703.6/ออนซ์ โดยถูกกดดันจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ ซึ่งลด ความน่าสนใจของสัญญาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย (ราคาทองคำ -2.22% WoW โดยเป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกัน)

 

ประเด็นสำคัญ

+/- USA: ซิตี้กรุ๊ป ซึ่งเป็นธนาคารใหญ่เป็นอันดับ 3 ของสหรัฐฯ เมื่อพิจารณาจากมูลค่าสินทรัพย์ เปิดเผยว่า ทางธนาคารมีกำไรลดลง 27% ในไตรมาส 2 โดยได้รับผลกระทบจากการกันสำรองหนี้สูญ และรายได้ที่อ่อนแอในธุรกิจวาณิชธนกิจ แต่มีรายได้ 1.964 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.822 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

- USA: ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ หดตัว 1.5% QoQ ใน 2Q22E จากเดิมที่บ่งชี้ว่ามีแนวโน้มหดตัว -1.2% QoQ

- Oil: สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน อัล ซาอูด มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย ทรงเผยระหว่างการประชุมสุดยอดกับประธานาธิบดี โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ และบรรดาผู้นำจากกลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับอื่น ๆ ในวันเสาร์ (16 ก.ค.) ว่า ซำอุดีอาระเบียจะเพิ่มการผลิตน้ำมันสูงสุดที่ 13 ล้านบาร์เรล/วัน และไม่สามารถเพิ่มการผลิตมากไปกว่านี้

- Commodities (CRB Index): ลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 5 -3.5% WoW นำลงโดยกลุ่ม Energy (Oil), Agricultural (Palm Oil) Metal (Copper) ราคาน้ำมันดิบโลกปิดลบต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 2 WTI -6.9% WoW ปิดที่ USD97.59/บาร์เรล Brent -5.48% WoW ปิดที่ USD101.16/ บาร์เรล เพราะกังวล อุปสงค์น้ำมันดิบโลกลดลง จากความเสี่ยงเศรษฐกิจสหรัฐฯ เกิดภาวะถดถอย ราคาทองคำปิดลบต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 5 ส่วนราคาทองคำปิด -2.14% WoW ปิดที่ USD1,703.60/ออนซ์ เนื่องจากการแข็งค่าของเงิน USD เทียบตะกร้าสกุลหลัก

- China: สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 ของจีนขยาย ตัวเพียง 0.4% เมื่อเทียบ รายปี ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายของรัฐบาลที่ระดับ 5.5% อยู่มาก เนื่องจากเศรษฐกิจได้รับผลกระทบอย่างหนัก จากการใช้มาตรการล็อกดาวน์ เพื่อควบคุม COVID-19

แนะนำ Trading Buy (โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%)

หุ้นแนะนำรายสัปดาห์ : BDMS TFG MTC

หุ้นแนะนำเก็งกำไร: BCH IMH MEGA

Derivatives: แนะ Wait&see หลังปิด Short ทำกำไรไปแล้ว