"LIV-24" จับมือ "โตโยต้า ขอนแก่น" ใช้เทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะ นำร่อง 13 สาขา
"LIV-24" จับมือ "โตโยต้า ขอนแก่น (TKK GROUP)" ใช้เทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะ นำร่องศูนย์บริการ 13 สาขา ทั่วอีสาน รองรับการขยายตัวทางธุรกิจในอนาคต
ถ้าพูดถึงกระแสการพัฒนาเมืองขอนแก่นเรียกได้ว่าเป็นจังหวัดต้นแบบที่น่าสนใจมากทีเดียว เกิดเป็นขอนแก่นโมเดล ซึ่งการพัฒนานี้เป็นความร่วมมือที่ต้องอาศัยแรงขับเคลื่อนในหลายๆ ส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษาและประชาชน โตโยต้า ขอนแก่น (TKK GROUP) จับมือ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ วางระบบเทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยและระบบวิศวกรรมอาคาร จาก LIV-24 ในศูนย์บริการ 13 สาขา ทั่วอีสาน ถือเป็นอีกหนึ่งบทบาทสำคัญที่ได้มีส่วนในการนำเทคโนโลยีมาพัฒนาเมืองอัจฉริยะแห่งนี้
คุณกมลพงศ์ สงวนตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท โตโยต้าขอนแก่น ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด (TKK GROUP) เปิดเผยว่า ปีนี้โตโยต้าขอนแก่น ได้ดำเนินธุรกิจมาครบ 65 ปีแล้ว ปัจจุบันดูแลลูกค้าในเขตจังหวัดขอนแก่น เลย และบุรีรัมย์ มีโชว์รูมและศูนย์บริการทั้งหมด 13 สาขา ใน 3 จังหวัด เป้าหมายในอนาคตของบริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะช่วยขับเคลื่อนชุมชนอีสานสู่จุดหมายอย่างมีความสุข ไม่ได้เป็นแค่เรื่องของการบริการรถยนต์เท่านั้น แต่จะครอบคลุมในการให้บริการ Transport ทั้งหมด รวมถึงเปิดโอกาสการพัฒนาอาชีพในช่างให้เป็นช่างฝีมือด้านการดูแลรถยนต์ก้าวไปสู่เวทีแข่งขันในระดับโลก
"เรามีการปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงมาโดยตลอด และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะระบบหลังบ้าน ที่ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจ จึงเริ่มมองหาเทคโนโลยีเข้ามาเป็นตัวช่วยในการบริหารจัดการธุรกิจให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งการวางมาตรฐานและสร้างตัวชี้วัดความสำเร็จในการบริหารจัดการที่เป็นระบบ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทางบริษัทฯ จะนำเทคโนโลยีและผู้เชี่ยวชาญจากทางทีม LIV-24 จะมาช่วยเสริมให้ธุรกิจแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น" กมลพงศ์ กล่าว
กมลพงศ์ กล่าวต่อไปว่า โตโยต้า ขอนแก่น (TKK GROUP) ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของลูกค้าที่จะได้รับบริการ โดยพัฒนาศูนย์บริการให้เป็น One Stop Service ที่ทุกสาขาต้องมีมาตรฐานที่เท่ากันไม่ว่าจะเข้าไปใช้บริการสาขาไหน ต้องได้รับการบริการที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน จึงมีการทำระบบศูนย์ข้อมูลกลาง เพื่อจะนำมาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลความต้องการของลูกค้า และพัฒนาต่อยอดทางการตลาดทั้งในด้านพัฒนาสินค้าและบริการที่ครบวงจร จึงมองเห็นถึงความสำคัญของการวางแผนระบบงาน เพื่อรองรับการขยายตัวทางธุรกิจในอนาคต
โดยได้ทีมงานผู้เชี่ยวชาญจาก LIV-24 ที่มีประสบการณ์เฉพาะทางด้าน เทคโนโลยีรักษาความปลอดภัย เข้ามาให้คำปรึกษาและช่วยสร้างพื้นฐานให้แข็งแกร่งขึ้น โดยนำเทคโนโลยีรักษาความปลอดภัย และ ระบบวิศวกรรมอาคาร เข้ามาช่วยวางรากฐานเสริมทัพโตโยต้าขอนแก่น (TKK GROUP) เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการขยายธุรกิจให้เติบโตในอนาคต มุ่งมั่นรักษาความเป็นศูนย์บริหารที่ดีที่สุดในภาคอีสาน
"ขณะนี้จังหวัดขอนแก่นเองก็กำลังพัฒนาเมืองให้เป็น SMART City เราในฐานะภาคเอกชน ก็ขานรับนโยบายในการพัฒนานี้ร่วมกันทุกภาคส่วน ผ่านโครงการขอนแก่นโมเดล โดยทางโตโยต้าก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองที่จะช่วยขับเคลื่อนให้โปรเจกต์นี้สำเร็จ โดยการพัฒนาองค์กร บุคลากร และสิ่งแวดล้อม ให้เกิดขึ้นไปพร้อมๆ กับการพัฒนาเมืองขอนแก่น" กมลพงศ์ กล่าว
นางสาวนิรมล ดิเรกมหามงคล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่าย LIV-24 Living Technology บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า เราได้รับความไว้วางใจจากทาง โตโยต้า ขอนแก่น (TKK GROUP) ให้เข้าสำรวจและวิเคราะห์ศูนย์บริการทั้ง 13 สาขา เพื่อวางระบบ กำหนดมาตรฐาน และป้องกันความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น โดยใช้เทคโนโลยีความปลอดภัย และ IoT (Internet of Thing) เข้ามาประยุกต์ใช้ เพื่อพัฒนางานบริการลูกค้าให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ช่วยลดปัญหาเรื่องบุคลากรในการดูแล มีระบบการแจ้งเตือนตลอด 24 ชั่วโมง ลดค่าใช้จ่ายในการดูแลระบบอุปกรณ์ต่างๆ มีการนำทีมเฉพาะกิจเข้าไปสำรวจสาขาทั้งหมดเพื่อประเมินความเสี่ยงในด้านระบบรักษาความปลอดภัย และระบบวิศวกรรมอาคาร รวมทั้งวิเคราะห์ ประเมินผลเป็นคะแนนมาตรฐานความปลอดภัย (Security scoring)
ไม่เพียงเท่านั้น ยังปรับปรุงแผนงานและดูแลให้เกิดความเหมาะสมในแต่ละสาขา อาทิ ด้านระบบรักษาความปลอดภัย เทคโนโลยีจะมาช่วยให้คนทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดข้อผิดพลาดจากการทำงานของคน (human error) เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ รปภ. โดยออกแบบมาตรฐานการทำงานใช้เทคโนโลยี guard tour มาใช้ในการตรวจสอบจุดที่รปภ. ต้องทำการเดินตรวจสอบ ซึ่งหากขาดการตรวจตามที่กำหนด ระบบจะแจ้งเตือนเข้ามาที่ศูนย์ Command Centre ทันที เพื่อทีมงาน LIV-24 จะประสานงานต่อไปยังหน้างาน เพื่อติดตาปัญหาที่เกิดขึ้นและทำการแก้ไขอย่างทันท่วงที
นอกจากนี้ ยังมีการปรับกระบวนการทำงาน ให้มีมาตรฐานการทำงาน ทั้งระบบรักษาความปลอดภัย และการดูแลระบบวิศวกรรมอาคาร มีการติดตั้ง CCTV Analytic และ Access control สำหรับพื้นที่เก็บของมีค่า ที่ต้องจำกัดการเข้าออก เช่น ห้อง Storage เพื่อควบคุมคลังสินค้าในการเบิกจ่ายอะไหล่ เพื่อควบคุมต้นทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่วนในพื้นที่เสี่ยง มีการนำเทคโนโลยี License Plate Reader (LPR) สำหรับอ่านทะเบียนรถที่เข้ามารับบริการที่ศูนย์เพื่อนับจำนวนรถเข้าออก รวมไปถึง CCTV 360 ทำการเก็บภาพรอบตัวรถก่อนและหลังเข้ารับบริการ เพื่อสร้างความปลอดภัยสูงสุดให้กับรถของลูกค้า รวมถึงมี CCTV Fisheyes ภายในโชว์รูมสำหรับตรวจสอบการให้บริการลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ พร้อมเก็บข้อมูลและรายละเอียดโดยรอบพื้นที่
ในส่วนระบบวิศวกรรมอาคาร มีการออกแบบกระบวนการในการดูแลระบบวิศวกรรมอาคารที่เป็นมาตรฐาน ใช้ IoT Technology เพื่อตรวจสอบการทำงานของระบบและแจ้งเตือนเข้าศูนย์ LIV-24 แบบเรียลไทม์ หากเกิดการทำงานผิดปกติ ของงานระบบต่างๆ ภายในอาคาร อาทิ ระบบไฟฟ้าส่องสว่าง ระบบปรับอากาศ ระบบลิฟต์ ระบบปั๊มน้ำ ระบบปั๊มลม และระบบป้องกันอัคคีภัย เป็นต้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานอย่างเต็มที่และลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดจากอุปกรณ์ทำงานบกพร่อง ทั้งสร้างความรู้ความเข้าใจ รวมถึงขั้นตอนต่างๆ ผ่านการวางแผนงานตามระยะเวลาในการดูแลรักษาระบบ เช่น ซ้อมหนีไฟ ตรวจสอบถังดับเพลิง
นอกจากนั้น ยังมีการประเมินความเสี่ยงสำหรับสภาพแวดล้อมภายนอก โครงสร้างอาคารและโครงสร้างต่างๆ เช่น ภัยธรรมชาติ อุบัติเหตุ มลพิษทางเสียง และฝุ่นละอองที่อาจจะมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน ทาง LIV-24 มั่นใจว่าด้วยประสบการณ์จากทีมงานผู้เชี่ยวชาญผสานเทคโนโลยีดูแลความปลอดภัยอัจฉริยะ จะสามารถให้คำปรึกษาและบริการในเชิงธุรกิจ ลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น และสร้างความอุ่นใจให้แก่ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการภายในศูนย์โตโยต้าทั้ง 13 สาขา ได้เป็นอย่างดี