วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (22 ก.ค. 65)
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง ท่ามกลางความกังวลเศรษฐกิจชะลอตัว จากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป
- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง หลังจากการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้มีมติปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย 50 bps หรือ 0.5% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษ เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นมาก ส่งผลตลาดกังวลเศรษฐกิจชะลอตัว และความต้องการใช้น้ำมันปรับลดลง
- สหรัฐฯ เปิดเผยความต้องการใช้น้ำมันเบนซินชะลอตัวลงจากผลของราคาที่ผันผวนอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่มีการคว่ำบาตรด้านพลังงานของรัสเซีย ขณะที่ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้นสูงกว่า 3.5 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากที่คาดการณ์ของตลาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นเพียง 7 หมื่นบาร์เรล
- บริษัทน้ำมันแห่งชาติของลิเบีย (NOC) ได้ประกาศกลับมาดำเนินการผลิตน้ำมันบางส่วน หลังจากที่ยกเลิกเหตุสุดวิสัย (Force Majeure) ในแหล่งผลิตน้ำมันขนาดใหญ่หลายแห่ง เมื่อช่วงสัปดาห์ที่แล้ว โดยแหล่งผลิตน้ำมันที่ดำเนินการโดยบริษัท Waha Oil ได้เริ่มกลับมามีอัตราการผลิตที่ 7 หมื่นบาร์เรลต่อวัน และจะค่อยๆ ปรับเพิ่มอัตราการผลิตในแหล่งอื่นๆ จนกว่าจะกลับสู่ระดับปกติ
ราคาน้ำมันเบนซิน
ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังในสหรัฐฯ และสิงคโปร์ ปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 228.45 และ 16.21 ล้านบาร์เรล ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีแรงซื้อจากประเทศศรีลังกา เข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ราคาน้ำมันดีเซล
ปรับตัวลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปทานในแถบภูมิภาคเอเซียปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังในสหรัฐฯ ที่ลดลง 2.2 ล้านบาร์เรล ซึ่งสวนทางกับที่คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล