เจาะลึกกลุ่มย่อยใน Healthcare กลุ่มไหนกำไรไม่ย่อ แม้เศรษฐกิจชะลอตัวลง

เจาะลึกกลุ่มย่อยใน Healthcare กลุ่มไหนกำไรไม่ย่อ แม้เศรษฐกิจชะลอตัวลง

ในช่วงที่หลายประเทศเผชิญกับสังคมผู้สูงอายุ บวกกับคนให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น กลุ่มอุตสาหกรรมใน Healthcare เป็นอีกหนึ่งธีมการลงทุนที่น่าสนใจ เพราะมีการเติบโตที่ดีต่อเนื่อง และความผันผวนของการลงทุนที่ต่ำ แม้จะเป็นช่วงที่เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยก็ตาม

โลกปัจจุบันที่คนหันมาให้ความสนใจกับการดูแลสุขภาพมากขึ้น ส่งผลให้ความก้าวหน้าทางนวัตกรรมต่างๆ ได้เข้ามามีบทบาทต่อวิถีการดำเนินชีวิตมากขึ้น ช่วงที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่านักลงทุนกลับมาให้ความสนใจการลงทุนในกลุ่มที่เป็น Healthcare มากขึ้นจากศักยภาพในการเติบโตที่ยังดีต่อเนื่อง และเป็นกลุ่มที่ไม่ผันผวนตามเศรษฐกิจมากนักจากทั้งปัจจัยภายในประเทศและต่างประเทศ

ขณะที่ประเด็นการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่ยังไม่ได้มีแนวโน้มจะคลี่คลายในเร็ววันนี้ เป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนให้เกิดการคิดค้น วิจัย และพัฒนาตัวยาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในระยะถัดไป ทราบกันหรือไม่ว่าจริงๆ แล้วอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับ Healthcare สามารถแยกย่อยออกมาได้หลายกลุ่ม อาทิ กลุ่มไบโอเทคหรือเทคโนโลยีชีวภาพ กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ทางการแพทย์ กลุ่มที่ให้บริการทางด้านการแพทย์ กลุ่มเทคโนโลยีทางการแพทย์ กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับชีววิทยาศาสตร์ กลุ่มเภสัชภัณฑ์ เป็นต้น

ภาพแสดงให้เห็นทั่วโลกกำลังเผชิญหน้ากับสังคมผู้สูงอายุ รายจ่ายด้าน Healthcare ต่อปีที่เพิ่มขึ้นตามอายุที่เพิ่มขึ้น

เจาะลึกกลุ่มย่อยใน Healthcare กลุ่มไหนกำไรไม่ย่อ แม้เศรษฐกิจชะลอตัวลง ที่มา: Alliance for Regenerative Medicine:Annual Industry Report,UN Department of Economic and Social Affairs)

มาทำความรู้จักกับ 6 กลุ่มหลักในอุตสาหกรรม Healthcare และหุ้นที่มี Market Capitalization สูงสุด

กลุ่ม Biotechnology (AbbVie Inc) 

Biotechnology หรือ เทคโนโลยีชีวภาพ คือ การนำความรู้ในด้านต่างๆทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้กับสิ่งมีชีวิต เพื่อพัฒนาหรือสร้างผลิตภัณฑ์ที่เป็นประโยชน์ต่อมนุษย์ในด้านต่างๆ โดยเฉพาะในด้านการแพทย์ โดยบริษัทที่มี Market Capitalization สูงสุดในกลุ่มไบโอเทค คือ บริษัท AbbVie Inc บริษัทสัญชาติอเมริกัน ผู้วิจัย พัฒนาและผลิตสินค้าด้านเภสัชกรรม เน้นการรักษาโรคเฉพาะทาง เช่น ระบบที่เกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกัน โรคไตเรื้อรัง ไวรัสตับอักเสบซี การรักษาเนื้องอก ประสาทวิทยาศาสตร์ โรคทางพันธุกรรมที่เกิดจากความผิดปกติของยีน เป็นต้น

ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ $271.8 bn และกำไรสุทธิที่เติบโตขึ้น 150% ในปี 2021 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และล่าสุดบริษัทได้เป็นพันธมิตรกับ iSTAR Medical เพื่อหาแนวทางในการรักษาโรคต้อหิน

กลุ่ม Healthcare Equipment & Supplies (Abbott Laboratories)

กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ทางการแพทย์ บริษัทที่มี Market Capitalization สูงสุดในกลุ่มนี้ คือ บริษัท Abbot Laboratories ซึ่งเป็นบริษัทยาและเวชภัณฑ์สัญชาติอเมริกันที่แยกออกจากธุรกิจเวชภัณฑ์ของ AbbVie Inc ให้บริการในเรื่องอุปกรณ์ทางการแพทย์และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพ มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับโรคหัวใจ เบาหวาน และการรักษาระบบที่เกี่ยวข้องกับเซลล์ประสาท ซึ่งมีสาขากระจายทั่วโลกกว่า 130 แห่ง มีมูลค่าตลาดกว่า $193bn และเป็นบริษัทที่สามารถทำกำไรสุทธิได้สูงถึง +57.3% ในปี 2021 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดย Abbot มีผลิตภัณฑ์ที่เราคุ้นเคยหลายอย่าง อาทิ ยาแก้ปวด Brufen, ยาฆ่าเชื้อ Klacid, Similac, PediaSure, Ensure และรวมถึงแผ่นทดสอบ Antigen แบบพกพาที่สามารถใช้ในการตรวจหาเชื้อ COVID-19

กลุ่ม Healthcare Providers & Services (UnitedHealth Group Inc)

กลุ่มให้บริการด้านการดูแลสุขภาพ เช่น กลุ่มโรงพยาบาล และบริษัทประกันภัยสุขภาพ ซึ่ง UnitedHealth Group Inc ถือเป็นอีกหนึ่งบริษัทประกันภัยสุขภาพแนวหน้าของสหรัฐฯ ที่เน้นในเรื่องการขายประกันสุขภาพ รวมถึงให้ข้อมูลและคำปรึกษาเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพ เพื่อให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดีและสามารถเข้าถึงการบริการทางการแพทย์ได้ดีขึ้น ถือเป็นบริษัทที่ครองส่วนแบ่งตลาดประกันสุขภาพเป็นอันดับ 1 ในสหรัฐฯ โดยมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ $485bn และมีกำไรสุทธิที่เติบโตขึ้น 0.3% ในปี 2021 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

กลุ่ม Healthcare Technology (M3 Inc)

กลุ่มเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพ เป็นกลุ่มที่มุ่งเน้นพัฒนานวัตกรรมให้ผู้คนสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์อย่างทั่วถึงและต้นทุนที่ลดลง ถือเป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่น่าสนใจในช่วงที่หลายประเทศเผชิญหน้ากับสังคมผู้สูงอายุ และรวมถึงคนทั่วไปที่สนใจดูแลสุขภาพมากขึ้น โดยบริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงสุด คือบริษัท M3 Inc ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติญี่ปุ่น ให้บริการแพลตฟอร์มด้านข้อมูลและงานวิจัยทางการแพทย์ และข้อมูลด้านการตลาด เพื่อให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการวิเคราะห์และรักษาผู้ป่วย อีกทั้งยังให้บริการทางการแพทย์ผ่านอินเตอร์เน็ต โดย M3 Inc. มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ $19bn และมีกำไรสุทธิที่เติบโตขึ้น 35.3% ในปี 2021 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

กลุ่ม Life Sciences Tools & Services (Danaher Corp)

กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับชีววิทยาศาสตร์ บริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงสุดคือ บริษัท Danaher Corp บริษัทสัญชาติอเมริกันที่ออกแบบ ผลิต และทำการตลาดผลิตภัณฑ์และบริการด้านชีววิทยาศาสตร์ รวมถึงการผลิตวัคซีน อุปกรณ์ทดสอบต่างๆ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพน้ำตามแหล่งน้ำต่างๆ ผลิตภัณฑ์บรรจุสินค้า และการพัฒนาระบบการแสดงผลข้อมูล โดยมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ $187.6bn และมีกำไรสุทธิที่เติบโตขึ้น 35.3% ในปี 2021 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

กลุ่ม Pharmaceuticals (Johnson & Johnson)

บริษัทยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมถึงการผลิตวัคซีน COVID-19 ด้วยเทคโนโลยี mRNA และมีการผลิตยาสามัญที่เราคุ้นเคยดี เช่น ยารักษาอาการปวด Tylenol ยารักษาไข้หวัด Benadryl และยาแก้ปวดประจำเดือน Motrin และในช่วงปลายปีที่แล้ว บริษัทได้มีการปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ โดยให้มีการแยกธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสินค้าอุปโภคบริโภคกลุ่มดูแลสุขภาพส่วนบุคคล เช่น น้ำยาบ้วนปาก Listerine สบู่เด็ก Aveeno แยกออกจากผลิตภัณฑ์เภสัชกรรมและอุปกรณ์การแพทย์ต่างๆ โดยให้เหตุผลว่า แต่ละบริษัทจะได้สามารถโฟกัสกับแต่ละตลาดได้ดีขึ้น รวมถึงการจัดสรรเงินทุนก็จะสามารถทำได้ดีขึ้น ปัจจุบันมูลค่าตลาดอยู่ที่  $472bn ด้านกำไรสุทธิที่เติบโตขึ้น 24.9% ในปี 2021 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

ภาพแสดงช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับ Healthcare ยังคงสร้างผลตอบแทนที่ดี

เจาะลึกกลุ่มย่อยใน Healthcare กลุ่มไหนกำไรไม่ย่อ แม้เศรษฐกิจชะลอตัวลง

ที่มา: Bloomberg, TISCO Economic Strategy units หรือ ESU

ทั้งนี้ ในธีมการลงทุนใน Healthcare ทั้ง 6 กลุ่มการลงทุนหลักที่กล่าวมาทั้งหมด เรามองว่ากลุ่ม Biotech และ กลุ่ม Healthcare Equipment & Supplies ที่เรามักจะรู้จักกันดีในชื่อของกลุ่ม Digital Healthcare ซึ่งเป็นกลุ่มที่โดดเด่นทั้งในแง่ของการเติบโตที่ดีในระยะยาว และแง่ของความผันผวนของการลงทุนที่ต่ำ โดยหากพิจารณาจากข้อมูลของ Bloomberg จะพบว่า นับตั้งแต่ปี 2000 จนถึงปี 2020 หุ้นในกลุ่ม Biotech และ กลุ่ม Healthcare Equipment & Supplies สามารถเติบโตได้ในระดับสูงเฉลี่ยปีละ 11% และ 7% ตามลำดับ ขณะที่มีมุมมองการเติบโตระยะยาวอยู่ที่ปีละ 18% และ 10% ตามลำดับ และหากดูที่กำไรต่อหุ้น (EPS) ของบริษัท จะเห็นได้ว่ากำไรของบริษัทยังเป็นบวกได้ ถึงแม้จะเป็นช่วงที่เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทำให้เรามองว่าหุ้นในกลุ่ม Biotech และกลุ่ม Healthcare Equipment & Supplies เป็นหนึ่งธีมการลงทุนที่น่าสนใจในระยะนี้

ที่มา: https://www.globaldata.com, Bloomberg, TISCO Economic Strategy units (ESU)

ข้อมูล บทความ บทวิเคราะห์และการคาดหมาย รวมทั้งการแสดงความคิดเห็นทั้งหลายที่ปรากฏอยู่ในรายงานฉบับนี้ทำขึ้นบนพื้นฐานของแหล่งข้อมูลที่ดีที่สุดที่ได้รับมาและพิจารณาแล้วเห็นว่า น่าเชื่อถือ แต่ทั้งนี้ไม่อาจรับรองความถูกต้อง ความสมบูรณ์ แท้จริงของข้อมูลดังกล่าว ความเห็นที่แสดงไว้ในรายงานฉบับนี้ได้มาจากการพิจารณาโดยเหมาะสมและรอบคอบแล้ว และอาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งล่วงหน้าแต่อย่างใด บทความ บทวิเคราะห์ และการคาดหมายทั้งหลายที่ปรากฏ อยู่ในรายงานฉบับนี้เป็นการนำไปใช้โดยผู้ใช้ยอมรับความเสี่ยงและเป็นดุลยพินิจของผู้ใช้แต่เพียงผู้เดียว

ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บลจ.ทิสโก้ หรือ TISCO Contact Center โทร. 0 2633 6000 กด 4, 0 2080 6000 กด 4 และ www.tiscoasset.com หรือ แอปพลิเคชัน TISCO My Funds