ยักษ์คริปโทฯ โลกล้ม! สะเทือนถึงเมืองไทย “ซิปเม็กซ์” ระงับถอนเงิน

ยักษ์คริปโทฯ โลกล้ม! สะเทือนถึงเมืองไทย “ซิปเม็กซ์” ระงับถอนเงิน

ตลาดคริปโทฯ ไทยร้อนระอุ! หลังกระดานเทรดดัง “ซิปเม็กซ์” ซึ่งมีมาร์เก็ตแชร์อันดับ 2 ประกาศระงับการถอนเงินสดและสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งหมด ก่อนที่ผู้บริหาร ดร.แบงก์ เอกลาภ ยิ้มวิไล ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอ ได้ออกมาไลฟ์สดชี้แจงถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

โดยรับว่าบริษัทกำลังมีปัญหาจริงๆ กับตัวผลิตภัณฑ์ ZipUp+ ซึ่งเป็นบริการรับฝากคริปโทฯ เพื่อรับดอกเบี้ย เนื่องจากจะส่งต่อสินทรัพย์ทั้งหมดไปให้บริษัทแม่ ซิปเม็กซ์ โกลบอล (Zipmex Global) ที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งปัญหามันเกิดขึ้นตรงนี้ เพราะบริษัทแม่ได้นำสินทรัพย์ของลูกค้าคนไทยไปลงทุนต่อกับคู่ค้า ได้แก่ บาเบลล์ ไฟแนนซ์ (Babel Finance) และเซลเซียส เน็ตเวิร์ค (Celsius Network)

ปรากฎว่าขณะนี้ทั้ง 2 บริษัทประสบปัญหาขาดสภาพคล่อง โดย Celsius ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มรับฝากและปล่อยกู้คริปโทฯ รายใหญ่ที่สุดในโลกอยู่ระหว่างยื่นล้มละลาย ส่วน Babel ผู้ให้บริการกู้ยืมสินทรัพย์ดิจิทัลในฮ่องกงกำลังประสบชะตากรรมไม่ต่างกัน

ล่าสุด บริษัทได้มีการชี้แจงถึงมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นรวมกันแล้วเฉียด 2 พันล้านบาท โดยแบ่งเป็นสินทรัพย์ที่ฝากไว้กับ Babel รวม 48 ล้านดอลลาร์ และที่ฝากกับ Celsius อีก 5 ล้านดอลลาร์ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือร่วมกันกับทั้ง 2 บริษัทเพื่อแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้นโดยด่วน

ขณะเดียวกันจะเดินหน้าฟ้องร้องเพื่อเอาสินทรัพย์กลับคืนมาให้ลูกค้า รวมทั้งการขายบริษัทให้กับผู้ที่สนใจเพื่อหาเงินมาชำระคืนลูกค้า ซึ่งขณะนี้มีการเจรจากับพันธมิตรหลายราย

 

ถือว่า “ซิปเม็กซ์” พยายามแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างสุดกำลัง แสดงให้เห็นถึงความจริงใจในการแก้ปัญหา ไม่ได้หนีหายหรือลอยแพลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ แต่อีกมุมก็ต้องยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นสาหัสจริงๆ และน่าจะหนักที่สุดตั้งแต่มีธุรกิจคริปโทฯ เกิดขึ้นในประเทศไทย

เวลานี้อุตสาหกรรมคริปโทฯ โลก กำลังเผชิญกับบททดสอบครั้งสำคัญ ท่ามกลางภาวะตลาดหมี (Bear Market) หลังตลาดคริปโทฯ ถูกถล่มขายตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา นำโดยเหรียญในตระกูล Terra Blockchain 

หลัง UST ซึ่งเป็นสเตเบิลคอยน์ (Stablecoin) ถูกตรึงไว้กับเงินดอลลาร์ที่ 1 UST เท่ากับ 1 ดอลลาร์ ถูกเทขายจนหลุดระดับราคาที่ตรึงไว้ ทำให้นักลงทุนสูญเสียความเชื่อมั่นต่อระบบของ Terra จึงเทขาย LUNA อีกหนึ่งเหรียญยอดนิยมในตระกูลตามมาด้วย จนราคา UST และ LUNA แทบไม่เหลือมูลค่า

แรงขาย UST และ LUNA จุดชนวนให้นักลงทุนกระหน่ำขายโทเคนดิจิทัลตัวอื่นๆ ตามมา ทั้งเหรียญเล็กเหรียญใหญ่เผชิญแรงขายถ้วนหน้า เพราะตลาดดูจะสูญเสียความเชื่อมั่นไปเยอะ ความนิยมในสินทรัพย์ดิจิทัลถดถอยลงอย่างน่าตกใจ สะท้อนจากมาร์เก็ตแคปทั้งตลาดร่วงลงต่ำกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ เทียบกับจุดสูงสุดที่เคยพุ่งทะลุ 3 ล้านล้านดอลลาร์ เมื่อช่วงเดือนพ.ย. 2564

ยักษ์คริปโทฯ โลกล้ม! สะเทือนถึงเมืองไทย “ซิปเม็กซ์” ระงับถอนเงิน

เมื่อตลาดดิ่งหนักนอกจากนักลงทุนจะเจ็บตัวแล้ว บรรดาผู้ประกอบการ บริษัทต่างๆ ที่อยู่ในอุตสาหกรรมอาการโคม่าไม่ต่างกัน ทั้งตัวกระดานเทรดวอลุ่มหดหาย ผลประกอบการพลิกขาดทุน ต้องปรับโครงสร้าง เช่น คอยน์เบส (Coinbase) แพลตฟอร์มคริปโทฯ เบอร์ 1 ของสหรัฐ ปลดพนักงานไปกว่า 1 พันคน

นอกจากรายย่อยที่ช้ำหนัก รายใหญ่ก็ไม่รอด กองทุนเฮดจ์ฟันด์คริปโทฯ ยักษ์ใหญ่ Three Arrows Capital หรือ 3AC อาการเข้าขั้นโคม่าเพราะใส่เงินลงทุนในเหรียญ LUNA และ UST ไปไม่น้อย จนโดนบังคับขายไม่เหลือสภาพคล่อง ต้องขอยื่นล้มละลายในที่สุด

กองทุน 3AC เหมือนกับ “โดมิโน” ตัวแรกที่ล้มลง และกำลังทำให้ตัวอื่นๆ ล้มตามมา ซึ่งตัวถัดไป คือ Voyager Digital โบรกเกอร์คริปโทฯ ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ของ 3AC เมื่อ 3AC ไม่สามารถหาเงินมาคืนได้ เจ้าหนี้ก็ไปไม่รอด ยื่นขอล้มละลายตามมาติดๆ

ขณะเดียวกันเมื่อนักลงทุนสูญเสียความเชื่อมั่นพยายามหนีตายออกจากตลาด ทำให้มีการแห่ถอนคริปโทฯ ที่ฝากไว้กับ Celsius จนบริษัทต้องระงับการถอนคริปโทฯ ตั้งแต่ 12 มิ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งจนถึงเวลานี้ยังไม่สามารถถอนได้ และสุดท้าย Celsius ไปต่อไม่ไหว กลายเป็นโดมิโนตัวล่าสุดที่ล้มลง หลังยื่นขอล้มละลายต่อศาลที่นิวยอร์ก

เวลานี้แผ่นดินไหวในโลกคริปโทฯ สั่นสะเทือนมาถึงเมืองไทยเป็นที่เรียบร้อย จากเหตุการณ์ที่ดูไกลตัว ใกล้เราเข้ามาทุกที เมื่อกลุ่ม Zipmex Global เข้าไปลงทุนใน Celsius จนส่งผลกระทบต่อลูกค้าในประเทศไทย

สะท้อนภาพโดมิโนที่กำลังค่อยๆ ล้มลงเรื่อยๆ กลายเป็น “โดมิโนเอฟเฟคต์” ที่ยังไม่รู้ว่าจะจบลงเมื่อไหร่? จะมีผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์นี้หรือไม่? หรือโดมิโนจะล้มทั้งกระดาน? กลายเป็นจุดจบของตลาดคริปโทฯ