ก.ล.ต.ดิ้นเอาผิด Zipmex รุดถก “ดีเอสไอ - ปอศ.” “เอกลาภ” เร่งปิดดีลขายหุ้น
ก.ล.ต.รุดหารือ "ดีเอสไอ - ปอศ." หาช่องกฎหมายเอาผิด "Zipmex ด้านผู้เสียหายบุกร้องตำรวจไซเบอร์ เบื้องต้นพบกว่า 800 ราย มูลค่ากว่า 678 ล้านบาท คาดยอดพุ่งหมื่นราย ขณะที่ "เอกลาภ" เร่งปิดดีลขายกิจการ หลังเซ็นเอ็มโอยู และทำดิว ดิลิเจนซ์แล้ว
วานนี้ (25 ก.ค.2565 )สำหนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดย นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ ก.ล.ต. นำคณะผู้บริหาร ก.ล.ต. ประชุมหารือกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ(ปอศ.) กรณี บริษัท ซิปเม็กซ์ จำกัด (Zipmex) ระงับการถอนเงิน-คริปโทเคอร์เรนซี ของลูกค้าลงทุนในผลิตภัณฑ์ซิปอัพพลัส (ZipUP+)
โดยมีข้อสรุปว่า ก.ล.ต. จะบูรณาการ การทำงานร่วมกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย เนื่องจากกรณีดังกล่าว อาจมีความเสียหายกับประชาชนจำนวนมาก ประกอบกับต้องพิจารณาว่ามีการกระทำผิดตามกฎหมายอื่นๆ หรือไม่อย่างไร นอกเหนือจากความผิดภายใต้พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัลฯ) ที่ ก.ล.ต. มีอำนาจดำเนินการในฐานะผู้กำกับดูแล
นางสาวอาชินี ปัทมะสุคนธ์ ผู้ช่วยเลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า การที่เลขาธิการ ก.ล.ต. เข้าไปหารือกับดีเอสไอ เนื่องจากเป็นห่วงนักลงทุน จึงจะจับมือกับดีเอสไอ ที่จะบูรณาการ การทำงานร่วมกับหน่วยงานในการบังคับใช้กฎหมาย
ส่วนความคืบหน้าในการดำเนินการกับ ZIPMEX ขณะนี้ ก.ล.ต.อยู่ระหว่างการพิจารณาคำชี้แจงของ ZIPMEX ที่ส่งมาในรอบที่ 2 ว่า มีรายละเอียดอย่างไร และมีประเด็นตรงไหนบ้าง เพื่อที่ ก.ล.ต.จะได้มีการดำเนินการต่อไป
“ที่ผ่านมา ก.ล.ต.ให้ ZIPMEX ชี้แจงข้อมูลเมื่อเกิดปัญหาขึ้น ซึ่งรอบแรกที่เขาชี้แจงมายังขาดข้อมูลที่มีนัยสำคัญ ก.ล.ต.จึงให้เขาชี้แจงรอบที่ 2 ซึ่งเขาส่งมาแล้ว ก.ล.ต.อยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียดที่เขาชี้แจงเป็นยังไง มีประด็นตรงไหนอย่างไร”
อย่างไรก็ตาม ช่วงเช้าวานนี้ ก.ล.ต.ได้จัดทำแบบฟอร์มรับแจ้งข้อมูล เพื่อให้ผู้ที่ได้รับความเสียหายจากกรณีที่ Zipmex ระงับการถอนเงิน -คริปโทฯ ของลูกค้าที่ลงทุนในผลิตภัณฑ์ ZipUp+ เข้ามากรอกข้อมูล เพื่อที่ก.ล.ต.จะได้ทราบข้อมูลความเสียหาย
ผู้เสียหายเข้าร้องเรียนตำรวจไซเบอร์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ เวลา 10.00 น. กลุ่มผู้เสียหายเกือบ 60 คน รวมตัวเพื่อแจ้งความฟ้องร้องค่าเสียหาย ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เพื่อเข้าประชุมหาทางออกกับตัวแทนบริษัท ซิปเม็กซ์ ประเทศไทย หลังจากที่ได้มีการนัดรวมตัวผ่านกลุ่มไลน์ผู้เสียหาย โดยมีการให้ผู้เสียหายกรอกแบบฟอร์ม และพบว่า ณ เวลา 19.00 น. ของวานนี้ มีผู้เสียหายกรอกแบบฟอร์มแล้ว 800 ราย คิดเป็นมูลค่าความเสียหายรวม 678 ล้านบาท
นายภัทรเศรษฐ์ พรหมสวัสดิ์ ตัวแทนผู้เสียหาย กรณีซิปเม็กซ์ กล่าวว่า การเดินทางมายื่นเรื่องร้องเรียน ไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น และไม่มีอะไรคืบหน้า เนื่องจากตัวแทนฝั่งซิปเม็กซ์ เป็นเพียงทนายความที่มารับฟังและไม่มีความรู้มากพอที่จะตอบคำถามที่ผู้เสียหายมีความสงสัยในเชิงลึกได้
“ซิปเม็กซ์ ควรเปิดเผยมูลค่าความเสียหายของลูกค้าซิปเม็กซ์ทั้งหมดที่ถือไว้ใน Z wallet ขณะนี้ ซึ่งเป็นความจริงใจในการแก้ปัญหามากกว่า การออกมาไลฟ์แถลงการณ์ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ที่เมื่อดูจริงๆ แล้วไม่มีประเด็นอะไรที่สามารถตอบคำถามผู้เสียหายและผู้ที่ได้รับผลกระทบได้”
พบผิดปกติตั้งแต่ 1 ปีที่แล้ว
โดยเมื่อเกิดเรื่องขึ้น ทำให้ผู้เสียหายย้อนกลับไปตรวจสอบความผิดปกติของการทำธุรกรรมบนบล็อกเชน ของกระเป๋าเงินซิปเม็กซ์ พบว่ามีความผิดปกติตั้งแต่เมื่อ 1 ปีที่แล้ว ทำให้ผู้เสียหายถามถึงการแก้ไขปัญหาของทางซิปเม็กซ์ เพื่อนำสินทรัพย์ของผู้เสียหายกลับคืนมาเนื่องจากตอนนี้มีการระงับสินทรัพย์ของเราไว้ในกระดานเทรด
นายภัทรเศรษฐ์ กล่าวว่า ความต้องการหลักของกลุ่มผู้เสียหายในตอนนี้คือ การได้รับสินทรัพย์ที่ได้ฝากเอาไว้คืน ซึ่งมูลค่าที่บางคนฝากเอาไว้ก็ฝากไว้ตอนที่มูลค่าตลาดสูง และราคาเปลี่ยนไปตามภาวะตลาด ซึ่งนักลงทุนทุกคนเข้าใจความเสี่ยงตรงนี้ดี และตลาดนี้ถูกรับรองโดย ก.ล.ต. ทำให้ผู้เสียหายตั้งข้อสังเกตว่า ใช้ช่องว่างตรงนี้ในการโยกสินทรัพย์ออกไปต่างประเทศหรือไม่
“กลัวว่าจะไม่ได้สินทรัพย์คืน เพราะ ซิปเม็กซ์โกลบอล และซิปเม็กซ์ ประเทศไทย แจ้งว่าบริษัทขาดสภาพคล่อง ซึ่งคำนี้แปลว่า ไม่มีเงินมาจ่าย และบริษัทไม่ให้ลูกค้าโยกสินทรัพย์ใดๆ เพื่อให้บริษัทยังคงอยู่ได้ ทำให้เราเสียโอกาสในการลงทุน และไม่สามารถรู้ได้ว่าซิปเม็กซ์ไปดีล หรือ ทำ MOU กับใคร ซึ่งยังไม่มีข้อมูลตรงนี้”
กระทบความเชื่อมั่นกระดานเทรด
อย่างไรก็ตาม ราคาสินทรัพย์จะมีความผันผวน แต่นักลงทุนที่ได้รับความเสียหายสามารถรับเสี่ยงได้อยู่แล้ว แต่ว่ากระดานเทรดที่มี ก.ล.ต. รับรองแล้วเกิดเรื่องนี้ขึ้น ทำให้ไม่มีความน่าเชื่อถือใดๆ และไม่มีความปลอดภัย ซึ่งปัญหาในครั้งนี้มีผลต่อความน่าเชื่อถือของกระดานเทรดซิปเม็กซ์ และส่งผลไปยังกระดานอื่นๆ ในประเทศไทย และกระทบไปยังวอลุ่มการเทรดทุกกระดาน ทำให้มีความเสียหายแก่นักลงทุนหลายคน
“คาดว่าผู้เสียหายจะเป็นหมื่นคน จากคนที่ยังไม่มารายงานความเสียหาย ณ ขณะนี้ รวมทั้งมูลค่าความเสียหายที่สามารถปรับขึ้นไปในช่วงตลาดขาขึ้น จาก 300 ล้านบาท เพิ่มขึ้นไปอีก 2-3 เท่า และเท่าที่ทราบมาผู้เสียหายที่ลงทุนมากที่สุดคือ ราว 30-40 ล้านบาทต่อ 1 คน”
ดังนั้นผู้เสียหายทั้งหมดจึงขอคำปรึกษากับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการเตรียมข้อมูลเพื่อยื่นฟ้องตามกฎหมายเป็นข้อๆ รวมทั้งเตรียมเข้าร้องเรียนแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ก.ล.ต. และ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.) เพื่อดำเนินเรียกร้องค่าเสียหายต่อไป
"เอกลาภ' แย้มมีข่าวดีเร็วๆ นี้
นายเอกลาภ ยิ้มวิไล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ซิปเม็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงเย็นวานนี้ว่า ส่วนตัวจะมีการ LIVE เพื่อชี้แจงข้อมูลในเวลา 19.00 น. ผ่านเฟซบุ๊ก Zipmex Thailand และรายงานความคืบหน้าการดำเนินการต่างๆ
ส่วนกรณีที่มีผู้เสียหายจะฟ้องนั้น ซึ่งส่วนตัวมองว่าถ้าผู้เสียหายได้รับเงินคืนเรียบร้อยแล้ว ก็จะฟ้องไม่ได้โดยเราก็จะมีข่าวดีในเร็วๆ นี้
ขณะที่เฟซบุ๊กZipmex Thailand ระบุว่า บริษัทได้มีการเจรจาหารือกับนักลงทุนที่สนใจหลายท่าน และขณะนี้ได้มีความคืบหน้าเป็นอย่างมาก จนได้มีการตกลงทำข้อตกลง MOU เพื่อที่จะนำไปสู่ขั้นตอนกระบวนการตรวจสอบสถานะ (Due Diligence) ในลำดับต่อมา ทางบริษัทจะยังคงดำเนินการเจรจาหารืออย่างต่อเนื่องและจะเรียนให้ท่านทราบถึงความคืบหน้าต่อไป
แจง 5 ประเด็นร้อน
เวลา 19.00 น.ของวานนี้ นายเอกลาภ ได้ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊ก Zipmex Thailand เพื่อชี้แจงข้อมูล 5 ประเด็น ดังนี้ 1.ความคืบหน้าในการหาพันธมิตรเข้ามาซื้อหุ้นบริษัท ว่าขณะนี้เราได้มีการเซ็น MOU กับผู้ที่สนใจเข้ามาลงทุนบริษัทแล้ว ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้น และเตรียมที่จะทำ Due Diligence ต่อไป เพื่อให้เกิดการลงทุน ซึ่งบริษัทยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลรายละเอียดได้ เพราะติดข้อกฎหมายที่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้
2.บริษัทได้มีการประสานหน่วยงานภาครัฐ เพื่อรายงานสถานการณ์ โดยได้ชี้แจงข้อมูลกับทางก.ล.ต.อย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทได้ดำเนินการด้วยความโปร่งใส ซึ่งวานนี้ได้รับทราบว่ามีกลุ่มลูกค้าได้เดินทางไปที่ บช.สอท. ซึ่งบริษัทได้ส่งตัวแทนเข้าไปเพื่อรับฟังข้อมูลด้วย
3.ปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างซิปเม็กซ์ กับ Babel Finance และ Celsius คือ ซิปเม็กซ์ ได้มีการฝากเงินของลูกค้าที่ลงทุนในผลิต ภัณฑ์ZipUp+ไว้ที่ Celsius ตั้งแต่กลางปีที่แล้ว จำนวน 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 2565 Celsius ได้มีการระงับการถอนเงิน ซึ่งบริษัทได้มีการประสานไปที่ Celsius ทันที ซึ่งบริษัทพิจารณาแล้วงบการเงินของบริษัทในช่วงนั้น ว่าเราสามารถรับความเสียได้แทนลูกค้าได้ จึงดำเนินธุรกิจตามปกติ
ส่วนกรณีของ Babel Finance ที่ฝากไว้ 48 ล้านดอลลาร์ ขณะนี้ Babel Finance ยังไม่ได้ยื่นล้มละลาย แต่เมื่อเกิดปัญหาเราได้มีการหารือกับทาง Babel Finance ซึ่งเดือนมิ.ย.นั้นเราไม่ได้รับผลกระทบมาก ยังดำเนินธุรกิจตามปกติ จนกระทั่งวันที่ 20 ก.ค. ที่ผ่านมา ผลการเจรจาเป็นเชิงลบ บริษัทจึงรายงานเรื่องดังกล่าวกับทาง ก.ล.ต.และไลฟ์ชี้แจงลูกค้าทันที โดยบริษัทได้ดำเนินการทางกฎหมายกับ Babel Finance แล้ว
ตั้งศูนย์ฮอตไลน์ช่วยอีกทาง
4. ส่วนเหรียญ ZMT (Zipmex Token) นั้นได้รับผลกระทบจากตลาดคริปโทฯที่เป็นขาลง และเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ซึ่งในศูนย์ซื้อขายของบริษัท(กระดานเทรด) ขณะนี้สามารถนำหลายเหรียญกลับมาซื้อขายบนกระดานได้แล้ว และจะนำกลับมาซื้อขายให้มากขึ้น ซึ่งยืนยันว่า ใน TradeWallet ลูกค้ายังสามารถฝากถอนเงินได้ตามปกติ
5.ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการทำศูนย์บริการ (Hot Line) รับแจ้งความเดือดร้อน เพื่อบริการลูกค้า คาดว่าจะเสร็จภายในสัปดาห์นี้
บริษัทจะเร่งนำสินทรัพย์มาคืนให้ลูกค้าเร่งด่วน และรายงานสถานการณ์การดำเนินคดีกับ Babel Finance และ Celsius รวมถึงความคืบหน้าในการหาพันธมิตรเข้ามาลงทุนในบริษัท
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์