"ธุรกิจประกันชีวิต" จัดทัพ ตั้งรับปัจจัยท้าทายครึ่งปีหลัง65
"สมาคมประกันชีวิตไทย” ชี้ครึ่งปีหลัง 65 ปรับตัวตั้งรับผลกระทบความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอย ดอกเบี้ยขาขึ้น ภาระหนี้ครัวเรือนสูงกดดันกำลังซื้อลด หวังเบี้ยรับรวมทั้งปีนี้โต 0-2.5% ที่ 6.12 -6.29 แสนล้าน
นายสาระ ล่ำซำ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจประกันชีวิตครึ่งปีหลัง 2565 ยังเผชิญปัจจัยท้าทาย ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอย ภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น หนี้ครัวเรือนสูง กดดันกำลังซื้อลด รวมถึงความไม่แน่นอนของสถานการณ์ต่างๆ และการปฏิบัติตามมาตรฐานสากล เช่น PDPA และIFRS 17
แต่อย่างไรก็ดี บริษัทประกันชีวิต เตรียมตัวตั้งรับปรับกลยุทธ์ให้ทันต่อสถานการณ์ เช่น การลงทุนพัฒนาดิจิทัลและผลิตภัณฑ์เฉพาะเจาะจงเป็นรายบุคคลมากขึ้น ตามความต้องการและความสามารถในการชำระเบี้ย
อีกทั้ง ลูกค้าสามารถกู้มูลค่าเงินสดตามกรมธรรม์มาชำระเบี้ยได้ ทำให้ที่ผ่านมายังไม่พบการเวนคืนกรมธรรม์เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากผลกระทบเศรษฐกิจชะลอตัว พร้อมกันนี้ บริษัทประกันชีวิตยังรักษาฐานทางการเงินเติบโตมั่นคง เพื่อรองรับความเสี่ยงใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้น
ประกอบกับยังมีปัจจัยหนุนจากประกันสุขภาพและประกันบำนาญ เติบโตดีต่อเนื่อง ตอบโจทย์สังคมสูงวัย การสนับสนุนลดหย่อนภาษีจากภาครัฐ และเริ่มเห็นการกลับมาฟื้นตัวของประกันชีวิตควบการลงทุน (ยูนิตลิงค์) บ้างแล้วจากประชาชนชะลอการลงทุนก่อนหน้านี้
พร้อมกันนี้ สมาคมฯ ได้จัดตั้งคณะทำงานกลุ่มย่อย เป็นแกนกลางทำงานระหว่างบริษัทประกันชีวิตและสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.) เพื่อทำให้ธุรกิจประกันชีวิตทำตามแผนรอบด้านและผลักดันให้ภาพรวมเติบโตต่อเนื่อง
ทำให้ยังคงคาดการณ์เดิมว่า ธุรกิจประกันชีวิตปี 2565 เติบโต 0-2.5% หรือมีเบี้ยประกันภัยรับรวม 612,000-629,500 ล้านบาท อัตราความคงอยู่ที่ 82-83% จากครึ่งปีแรก 2565 ลดลง 1.94% มีเบี้ยประกันภัยรับรวม ที่ 289,097 ล้านบาท เป็นการลดลงทั้งเบี้ยต่ออายุและเบี้ยใหม่