"บิทาซซ่า” ฉายภาพ “สกุลเงินคริปโท” ฟรีโฟลตสูง น่าลงทุน

ในปีที่ผ่านมา จะเห็นว่ามีบริษัทขนาดใหญ่และกองทุน ขยับก้าวแรกเข้ามาลงทุนสร้างโอกาสการลงทุนเพราะไม่อยากจะตกขบวนจากยุค 2.0 ไปสู่ ยุค 3.0 อีก 10 ปีข้างหน้า “สินทรัพย์ดิจิทัล” จะเป็นอย่างไรต่อนั้น เป็นหน้าที่คนไทยต้องเรียนรู้มากขึ้น

“กวิน พงษ์พันธ์เดชา” ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทาซซ่า จำกัด (Bitazza) ประเมินว่าอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลในไทยจะเติบโตมหาศาล มีมูลค่าที่ไม่สามารถตีค่าได้ เหมือนช่วงปี 2543 ในยุคอินเทอร์เน็ต เกิดฟองสบู่แตก โปรเจกต์กว่า 90% ล้มหายตายจากไป แต่โปรเจกต์ที่เหลืออยู่ คือ กูเกิล อเมซอล และแอ๊ปเปิ้ล กลายเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในทุกวันนี้  ในเวลานี้ หากเป็นโปรเจกต์ที่ดี เป็นแฟลตฟอร์มที่สามารถให้คนหมู่มากไว้วางใจและเข้ามาใช้งานได้ มองว่าจะสามารถอยู่รอดในอนาคตอีก 5-10 ปีข้างหน้าต่อไปได้​

 

ขณะเดียวกัน “บิตคอยน์”  เป็นสิ่งที่ตลาดให้มูลค่าไว้ว่า “ต้องอยู่คู่โลกนี้” เพราะเป็นตัวแรก และตัวเดียวที่มาร์เก็ตแคปใหญ่ที่สุด และในอนาคตหากบิตคอยน์ เป็นหนึ่งในการทำ  International Settlements หรือการชำระเงินข้ามประเทศ รวมถึงระยะยาวในโลกมีหนี้สินมากขึ้น เงินด้อยค่า หากคนมองว่า บิตคอยน์เป็น “Digital Gold” เป็นอีกทางเลือกของการลงทุน จะเห็นเงินลงทุนไหลเข้ามาลงทุนบิตคอยน์เพิ่มขึ้น จะยิ่งทำให้มูลค่าของบิตคอยน์ปรับตัวสูงขึ้นได้อีก 

หรือแม้แต่ CBDC (Central Bank Digital Currency) สกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง ก็ไม่สามารถมาแทนที่ บิตคอยน์ ได้ เพราะ CBDC ยังมีนโยบายการเงินมาควบคุม จึงเป็นแค่ “เซ็นทรัลไลซ์” เท่านั้น แต่บิตคอนย์ มีความชัดเจนในการเป็น “ดีเซ็นทรัลไลซ์” ไม่มีคนกลาง ไม่มีรัฐบาลไหนในโลกสามารถควบคุมได้ ยกตัวอย่าง แม้จีนจะแบนไม่ให้ขุดบิตคอยน์ในประเทศ 

เหรียญสมาร์ทคอนเทคมาแรง  

แต่บิตคอนย์ยังอยู่รอดมาได้ ซึ่งคนจีนก็ยังใช้ต่อ และแทนที่จะรวมศูนย์อยู่ในจีน ตอนนี้กระจายไปอยู่ในประเทศอื่นทั่วโลก ดังนั้น คุณสมบัติเฉพาะของบิตคอยน์ เรียกได้ว่า “ยิ่งพยายามฆ่า ยิ่งตายยากและยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น”​

ในส่วนเทคโนโลยีอื่นๆ เช่น “เหรียญที่เป็นสมาร์ทคอนเทคมาแรง” ไม่ว่าจะเป็นพัฒนาการของเทคโนโลยีที่มาดิสรัปโปรเจกต์กันเอง เช่น อีธีเลียม (Ethereum)  มีความสามารถในการปรับขนาดได้ผ่านเทคโนโลยีเลเยอร์ 2 หรือ ETH 2.0 เพื่อหนีเหรียญเนทีฟของบล็อกเชนคู่แข่งอย่าง Terra (LUNA), Binance (BNB) , Solana (SOL) หรือ Avalanche (AVAX) ที่สามารถทำประสิทธิภาพได้ดีกว่า 

อย่างไรก็ตามท่ามกลางภาวะการลงทุนปีนี้ ราคาสินทรัพย์ทุกประเภทมีโอกาสปรับตัวลงและผันผวนมากขึ้น จากปัจจัยเสี่ยงที่เฟดเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยและลดคิวอีเป็นปีแรก อีกทั้งมีปัจจัยเสี่ยงเพิ่มเติมจาก สงครามรัสเซียกับยูเครนที่ยังไม่มีความชัดเจนจะออกมาในรูปแบบไหน ทำให้ “สินทรัพย์ดิจิทัล” เป็นที่น่าสนใจมากที่สุดในช่วงตลาดผันผวน

 ตลาดผันผวนคริปโทฟรีโฟลตสูงน่าสนใจ

“กวิน” กล่าวว่า ในภาวะตลาดผันผวน สกุลเงินคริปโทเคอร์เรนซีที่มีสภาพคล่องสูงยังน่าลงทุน ได้แก่ บิตคอยน์ (BTC) เพราะเป็นเงินที่ไม่มีตัวกลางเพื่อทำหน้าที่ป้องกันความเสี่ยงในการถือเงินสกุลอื่นๆ และ อีธีเลียม (ETH) มีอัพไซด์ในปีนี้จากข่าวดีการพัฒนาเหรียญไปอีกขั้นหนึ่ง รวมถึงเหรียญคู่แข่งบางเหรียญของ ETH ที่มีพื้นฐานดี เช่น Terra (LUNA),Avalanche (AVAX), Solana  (SOL) ล้วนน่าสนใจ และกำลังพัฒนาโปรเจกต์ที่ดีและมีเงินลงทุนสนับสนุน 

“ส่วนคริปโทเคอร์เรนซีเหรียญอื่นๆ ยอมรับว่า มีความเสี่ยงสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะโปรเจกต์ที่เพิ่งสร้างเมื่อเร็วๆ นี้ ยังไม่รู้แน่ชัดว่าจะพัฒนาไปต่อได้หรือไม่ โดยเฉพาะในช่วงที่สภาพคล่องลดลง แนะนำว่า การลงทุนในช่วงที่สภาพคล่องในตลาดลดลง ต้องเลือกคริปโทเคอร์เรนซีที่อยู่มานาน และมีชื่อเสียง ปลอดภัยกว่า”

NFT เกม - เมตาเวิร์ส ดาวรุ่งปีนี้

กระแสที่มาแรงในปีนี้ Non-Fungible Token  หรือ NFT  ประเภท NFT เกม มีความสนุก สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้และไปต่อได้มากกว่า NFT งานศิลปะ มีออกมาค่อนข้างมาในช่วงที่ผ่านมาและมีความเสี่ยงสูงกว่า และ เมตาเวิร์ส เป็นเทรนด์ใหญ่โลก 

นอกจากเป็นเทรนด์ของคริปโทเคอร์เรนซีแล้ว ก็จะเป็น    เทรนด์ที่บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่โดดเข้าชิงพื้นที่ ในอนาคตเมตาเวิร์สจะไปต่อได้ไกลแค่ไหนนั้น ยังประเมินได้ยาก เพราะยังไม่สามารถหาวิธีการสร้างรายได้ชัดเจน ต้องจับตาดูว่า ผู้พัฒนาจะเปลี่ยนจำนวนคนที่เข้าไปอยู่ในเมตาเวิร์สให้กลับมาเป็นรายได้ต่อไปอย่างไรได้บ้าง มีวิธีการที่จะหาเงินจากคนกลุ่มนี้นอกจากการขายที่ดินเพียงอย่างเดียวอย่างไร 

สำหรับนวัตกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลใหม่ๆ เพิ่งเกิดตอนนี้และน่าติดตาม กวิน มองว่า คริปโทเคอร์เรนซี ประเภทโปรเจกต์อนุพันธ์ ดิลิเวอร์ทีฟ เช่น ออฟชั่นที่ใช้สมาร์ทคอนเทคในการเขียน ปัจจุบันจะเทรดกันอยู่ในตลาดต่างประเทศและนักลงทุนต้องมีความเชี่ยวชาญ ตลาดนี้ยังเป็น Blue Ocean เพราะยังไม่มีคนพูดถึงมากนัก 

รวมถึง Decentralized autonomous organizations (DAOs) หรือ องค์กรอัตโนมัติแบบกระจายศูนย์ เป็นวิธีการให้คนไม่รู้จักกันในหมู่มาก รวมตัวกันเพื่อเข้ามาระดมทุนหรือเพื่อบรรลุเป้าหมายใดเป้าหมายหนึ่งร่วมกัน เช่น ในปีที่ผ่านมาสหรัฐ ใช้ DAOs สำหรับการประมูลรัฐธรรมนูญ หรือปีนี้ใช้สำหรับการบริจาคเงินให้ยูเครน เชื่อว่าปีนี้ จะมีการนำระบบ DAOs มาใช้มากขึ้น เช่น การเลือกตั้ง การบริจาคเงิน หรือเพื่อบรรลุเป้าหมายที่สำคัญของโลก