AQUA จีบกองทุน ร่วมปล่อยกู้ P2P ปลายปีนี้

AQUA จีบกองทุน ร่วมปล่อยกู้  P2P ปลายปีนี้

AQUA ผนึก ธนบุรี รีแฮบ เซ็นเตอร์ เปิดสถานฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พร้อมให้เช่าพื้นที่สัญญายาว 30 ปี 2.4 พันล้าน ฟุ้งคุยกองทุนร่วมปล่อยกู้ P2P lending

AQUA จีบกองทุน ร่วมปล่อยกู้  P2P ปลายปีนี้      บริษัท อควา คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AQUA ร่วมกับ บริษัท ธนบุรี รีแฮบ เซ็นเตอร์ จำกัด( THR) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือบริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG  ลงนามสัญญาในการดำเนินการสถานฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด “The Hills Rehab Chiangmai by Thonburi Rehab Center”

      “ฉาย บุนนาค” กรรมการบริหาร บมจ.อควา คอร์เปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) AQUA กล่าวว่า   โครงการพัฒนาสถานฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด เป็นสถานฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดแบบผู้ป่วยในแบบสมัครใจ เพื่อช่วยเหลือผู้ติดยาเสพติดให้ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง มอบโอกาสให้กลุ่มคนเหล่านี้สามารถกลับไปดำเนินชีวิตปกติในสังคมได้อีกครั้ง อีกทั้งช่วยลดปัญหาทางสังคม และเสริมสร้างประเทศให้มีความมั่นคงอีกทางหนึ่งด้วย

       โดยบริษัทลูกคือ มันตรา แอสเซ็ท ที่บริษัทถือหุ้นอยู่ 99.99% ได้ทำสัญญาให้เช่าทรัพย์สิน ซึ่งเป็นที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างกับบริษัท ธนบุรี รีแฮบ เซ็นเตอร์ เพื่อใช้สถานที่ดังกล่าวเป็นสถานประกอบการ หรือสถานพยาบาลยาเสพติด และสถานฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด ซึ่งคิดเป็นค่าเช่ารวม 2,448 ล้านบาท โดยมีระยะเวลาเช่า 30 ปี

      สำหรับแผนการดำเนินงานของบริษัท นอกจากการเข้าไปทำในธุรกิจการเงิน ที่เกี่ยวกับ Peer-to-Peer (P2P) Lending ปัจจุบันบริษัทก็อยู่ระหว่างการศึกษาต่อยอดการลงทุนในธุรกิจอื่นๆ ควบคู่กันไปด้วย โดยนโยบายของบริษัท ยังเน้นลงทุนทุกอย่างที่เกี่ยวกับ เมกะเทรนด์ของโลก ที่จะเห็นเพิ่มเติมในระยะข้างหน้านี้

       ด้าน “ชัยพิพัฒน์ แก้วไตรรัตน์” กรรมการบริหาร AQUA กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในปีนี้ของ AQUA บริษัทเชื่อมั่นแนวโน้มดี เนื่องจาก ทั้ง 3 ธุรกิจในปัจจุบันของบริษัท เป็นธุรกิจที่มีกำไรแล้วทั้งหมด
       ทั้งธุรกิจคลังสินค้าขนาด 1 แสนตารางเมตร ที่สร้างรายได้ให้บริษัทราว 250 ล้านบาทต่อปี และส่วนแบ่งกำไรจากการเข้าไปลงทุนใน บมจ.อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป (EP) ที่มีรายได้ต่อปีราว 100 ล้านบาท และธุรกิจให้เช่าพื้นที่เพื่อประกอบธุรกิจสถานบำบัด และฟื้นฟูฯ ที่คาดเริ่มรับรู้รายได้ปีหน้าเป็นต้นไป

       ดังนั้นคาดว่ากำไรก่อนหักภาษีและค่าเสื่อม(EBITDA)ปีนี้ น่าจะทำได้ระดับ 300 ล้านบาท และปีหน้าจะเพิ่มขึ้นเป็น 350 ล้านบาท จากการรับรู้รายได้จากสถานบำบัด และฟื้นฟูฯในข้างต้นเข้ามาเพิ่ม 

       ส่วนธุรกิจใหม่คือ ธุรกิจ Peer-to-Peer (P2P) Lending ล่าสุดบริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับกองทุน ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้เข้ามาร่วมปล่อยกู้ ผ่านแพลตฟอร์ม Nestity ของบริษัท ซึ่งคาดว่า จะมีความชัดเจนได้ในไตรมาส 4 ปีนี้

       อย่างไรก็ตามคาดว่าการปล่อยสินเชื่อผ่าน P2P lending จะเริ่มปล่อยกู้ได้ในไตรมาส 4 ปีนี้ โดยคาดหวังว่าจะเริ่มเห็นการปล่อยสินเชื่อต้นปี 2566 ที่ระดับ 500 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 5,000 ล้านบาทในสิ้นปี และปี 2567 คาดการปล่อยสินเชื่อจะอยู่ที่ 20,000 ล้านบาท

         นอกจาก ธุรกิจฟินเทคคือ การปล่อยกู้ผ่าน P2P lending แล้ว บริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาธุรกิจใหม่ๆ ควบคู่กันไปด้วย ซึ่งหวังว่า จะเห็นความชัดเจนในการเข้าไปลงทุนอย่างน้อย 1 ธุรกิจได้ในปีนี้ โดยการลงทุนใหม่ ของบริษัท อยู่ภายใต้งบลงทุนใหม่ที่ตั้งไว้ที่ 500-700 ล้านบาท

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์