สภาทองคำโลกชี้แรงซื้อทองคำในไทยพุ่งติดต่อกันไตรมาสที่6
สภาทองคำโลกเผยความต้องการทองคำโลกไตรมาส 2 ลดลง 8% ขณะที่ ความต้องการทองคำของผู้บริโภคในไทยเพิ่มขึ้น 14% จาก 7.5 ตัน เป็น 8.5 ตัน ด้วยแรงหนุนจากความต้องการอัญมณีที่สูงขึ้น 10% และความต้องการลงทุนในทองคำแท่งและเหรียญทองคำพุ่ง 15% ผลจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและท่องเที่ยว
Mr. Andrew Naylor ประธานเจ้าหน้าที่บริหารประจำภูมิภาค APAC (ไม่รวมประเทศจีน) ของสภาทองคำโลก กล่าวว่า ครั้งนี้นับเป็นไตรมาสที่ 6 ติดต่อกันที่เราได้เห็นความต้องการของอัญมณีในประเทศไทย เพิ่มขึ้น ในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งมีสาเหตุมาจากราคาทองคำที่ลดลง รวมถึง ความต้องการทองคำเพิ่มขึ้นในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยสำหรับนักลงทุน ท่ามกลางปัญหาเงินบาทอ่อนค่า และความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตาม การผลิตเครื่องประดับทั่วโลกยังคงสูงกว่าการบริโภค เนื่องจากความต้องการในภาคส่วนนี้ยังคงต่ำกว่าในช่วงก่อนเกิดโรคระบาด
เมื่อพิจารณาจากภาพรวมของดีมานด์ทั่วโลกแล้ว หลังจากที่มีกระแสความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ และแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นช่วงแรกในเดือนเมษายน ราคาทองคำกลับปรับลดในไตรมาส 2/2565 เนื่องจากนักลงทุนหันไปสนใจอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นเป็นอย่างมาก
ราคาทองคำที่ลดลง 6% ในไตรมาสนี้ส่งผลกระทบต่อ ETF ทองคำ ทำให้เกิดการไหลออกที่ 39 ตัน ในไตรมาส 2 การไหลเข้าสุทธิในครึ่งปีแรกคิดเป็นจำนวนทั้งสิ้น 234 ตัน เทียบกับ 127 ตัน ของการไหลออกในครึ่งปีแรกของปี 2564 อย่างไรก็ตาม การลดลงในไตรมาส 2 มีแนวโน้มทำให้ ETF อ่อนลงในช่วงครึ่งปีหลัง หากภาพรวมเงินเฟ้อลดลงท่ามกลางการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง
ความต้องการลงทุนในทองคำแท่ง และเหรียญทองคำยังคงทรงตัวอยู่ที่ 245 ตัน เมื่อเทียบเป็นรายปี ในไตรมาส 2 ความต้องการที่เพิ่มขึ้นชี้ชัดว่ามาจากตลาดอินเดีย ตะวันออกกลาง และตุรกี ซึ่งช่วยพยุงในส่วนของความต้องการที่ลดลงของจีน โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการล็อกดาวน์เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ดีมานด์ทองคำแท่ง และเหรียญทองคำทั่วโลกจึงตกลงมาที่ 12% มาอยู่ที่ 526 ตัน ในครึ่งปีแรก เมื่อเทียบเป็นรายปี
ในภาคอัญมณี ดีมานด์ทองคำในไตรมาส 2 เพิ่มขึ้น 4% มาอยู่ที่ 453 ตัน เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของดีมานด์ในอินเดีย นับว่าเพิ่มขึ้น 49% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2564 ผลประกอบการที่แข็งแกร่งในอินเดียช่วยลดแรงปะทะจากดีมานด์ที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญกว่า 29% ในจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งเป็นตลาดที่ได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจหยุดชะงัก และจำกัดการใช้จ่ายของผู้บริโภค
ธนาคารกลางต่าง ๆ นับเป็นผู้ซื้อสุทธิในไตรมาส 2 โดยเพิ่มทุนสำรองทางการทั่วโลกที่ 180 ตัน การซื้อสุทธิสูงถึง 270 ตันในครึ่งปีแรก ซึ่งสอดคล้องกับผลการสำรวจของธนาคารกลางเมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่ 25% ของผู้ทำแบบสอบถามชี้ถึงแผนที่จะเพิ่มการสำรองทองคำในอีก 12 เดือนข้างหน้า
เมื่อหันไปมองภาคเทคโนโลยี จะเห็นว่าดีมานด์ทองคำลดลง 2% จากไตรมาส 2/2564 ที่ 78 ตัน ส่งผลให้ความต้องการในครึ่งปีแรกของปี 2565 ลดลงเล็กน้อยที่ 159 ตัน เมื่อเทียบเป็นรายปี ภาคอิเล็กทรอนิกส์ยังคงประสบปัญหากับการหยุดชะงักของสายการผลิต อีกทั้งความต้องการซื้ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของผู้บริโภคยังลดลง เนื่องจากวิกฤติค่าครองชีพที่สูงขึ้น โดยทั้งสองปัจจัยนี้มีผลต่อดีมานด์ที่ลดลงมาเล็กน้อยนี้
จากรายงานข้อมูล Gold Demand Trends การทำเหมืองในช่วงครึ่งปีแรกแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการที่ 1,764 ตัน เพิ่มขึ้น 3% ในครึ่งปีแรกของปี 2564 การผลิตได้รับแรงหนุนจากการที่บางโครงการขุดแร่ทองคำที่มีคุณภาพสูงขึ้น อีกทั้ง อุตสาหกรรมเหมืองแร่ของจีนยังกลับมาสร้างผลผลิตได้ในระดับปกติ หลังจากการหยุดเดินเครื่องเพื่อความปลอดภัยเมื่อปีที่ผ่านมา
ราคาทองคำที่สูงขึ้นในไตรมาส 1 และความยากลำบากทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น รวมถึงความไม่แน่นอนได้เพิ่มกิจกรรมการรีไซเคิลให้สูงขึ้น โดยการรีไซเคิลในช่วงครึ่งปีแรกทั้งหมดอยู่ที่ 592 ตัน เพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
Ms. Louise Street นักวิเคราะห์อาวุโสประจำภูมิภาค EMEA ของสภาทองคำโลกให้ความเห็นว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 ตลาดทองคำทั่วโลกได้รับแรงหนุนจากปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาค อาทิ อัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูง และความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ ทั้งนี้ มันยังต้องปะทะกับอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ที่แข็งตัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และแม้ว่าเราจะเห็นราคาที่ลดลงจากระดับที่สูงเป็นพิเศษในไตรมาส 1 ก็ตาม แต่ทองคำก็ยังนับเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่มีประสิทธิภาพที่สุดของปีนี้
“ในอนาคต เราเล็งเห็นทั้งความเสี่ยง และโอกาสสำหรับทองคำในครึ่งปีหลังของปี 2565 ความต้องการที่จะลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำมีแนวโน้มผลักดันให้เกิดการลงทุนในทองคำต่อไป แต่การตึงตัวของค่าเงินและดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องอาจทำให้เกิดปัญหาได้ และเนื่องจากหลายประเทศกำลังเผชิญหน้ากับความอ่อนแอทางเศรษฐกิจและวิกฤติค่าครองชีพยังเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้บริโภคต้องจำกัดการใช้จ่าย ความต้องการของผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะลดลง แม้ว่าควรจะมีจุดแข็งอยู่บ้างก็ตาม”
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์