“พรายพล” มองเกมซาอุฯ บุกไทย ลงทุนตั้งคลังน้ำมัน-โรงกลั่น

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ได้ตามคณะนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้เดินทางไปฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศไทยกับซาอุดีอาระเบีย เมื่อช่วงปลายเดือน ก.ค. 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งได้มีการเจรจาเข้ามาลงทุนตั้งโรงกลั่นและคลังน้ำมันในประเทศไทย เพื่อให้เป็นศูนย์กลางพลังงานในภูมิภาค

ในการหารือร่วมกันมีหลายด้าน โดยหนึ่งในการหารือที่สำคัญคือ ซาอุฯ มีความสนใจที่จะมาลงทุนสร้างคลังเก็บน้ำมันและโรงกลั่นน้ำมันที่ไทย ที่เบื้องต้นการลงทุนในระยะแรกคิดเป็นเม็ดเงินประมาณ 5 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่การลงทุนของฝั่งไทยในซาอุฯ ก็จะมีด้วยเช่นกัน เช่น ในเดือน ส.ค. 2565 ร้านคาเฟ่ อเมซอน ของ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ จะไปตั้งสาขาแรกที่เมืองริยาร์ด เมืองหลวงของซาอุฯ นั้น

นายพรายพล คุ้มทรัพย์ นักวิชาการอิสระ กล่าวถึงการเข้ามาลงทุนด้านพลังงานในประเทศไทยของซาอุฯ ว่า ส่วนตัวยังนึกภาพไม่ออก แต่หากจะทำธุรกิจโรงกลั่นจริง ๆ จะยังมีอีกช่องทางในการดำเนินธุรกิจสำคัญ คือ การกลั่นออกมาเป็นผลผลิตในธุรกิจปิโตรเคมีชนิดต่าง ๆ เพื่อพัฒนาเป็นปิโตคอมเพล็ก เป็นต้น พลาสติก ฯลฯ เพราะในแง่ของน้ำมัน ความต้องการในภมิภาคคงจะไม่น่าจะเพิ่มมากแล้ว และถ้ามองในอนาคตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) จะเข้ามาแทนรถสันดาปที่เติมน้ำมันตามเทรนด์ทั่วโลก เป็นต้น

นอกจากนี้ ซาอุฯ เอง ก็ดำเนิธุรกิจปิโตรคอมเพล็กขนาดใหญ่ การมาลงทุนก็อาจเป็นไปได้ เพราะโรงกลั่นน้ำมันทั้ง 6 โรงในประเทศไทย ประกอบด้วย ประกอบด้วย บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP, บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC, บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC โดยทั้ง 3 โรงกลั่นนี้เป็นบริษัทในเครือของ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT, บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP, บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO และบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC ถือว่ามีปริมาณที่เพียงพออยู่แล้ว

“เรายังไม่เห็นรายละเอียดการมาลงทุนที่ชัดเจน ตลาดภูมิภาคก็ไม่ได้ใหญ่เท่าไหร่ และรถอีวีก็กำลังจะเข้ามาแทนที่ ความจ้องการน้ำมันก็น่าจะลดลงตามเทรนด์” นายพรายพล กล่าว