ออเนอร์ กรุ๊ปผุดมิกซ์ยูสกลางเมืองพัทยารองรับโปรเจคอีอีซีดันกำลังซื้อ
ออเนอร์ กรุ๊ป ทุ่มงบกว่า 3.5 พันล้านผุดโครงการมิกซ์ยูสกลางเมืองพัทยา รองรับเมกะโปรเจคอีอีซีดันกำลังซื้อ พร้อมขยายการลงทุนสู่แนวราบพูลวิลล่า ทำเลนาจอมเทียน ซอย 2
นายคริส เชิดสุริยา ที่ปรึกษาคณะกรรมการบริหาร บริษัท ออเนอร์ กรุ๊ป จำกัด ผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในพัทยาเผยว่า กว่า 2 ปีที่ผ่านมาที่เกิดโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจต่างๆค่อนข้างมากทั้งภาคการท่องเที่ยว รวมถึงตลาดอสังหาฯ แต่ปีนี้สถานการณ์คลี่คลายหลังจากที่มีการเปิดประเทศมากขึ้น ทำให้นักท่องเที่ยวเริ่มกลับมา โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวอินเดีย ร้านค้า ร้านอาหารเปิดให้บริการได้ตามปกติ รวมถึงการจองห้องพักในโรงแรมต่างๆ มากขึ้น
คาดว่าตลอดทั้งปี65 นี้จะมีนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวในไทยราว 6 ล้านคน คาดจะสร้างรายได้ 6 หมื่นล้านบาท ใกล้เคียงกับปี 2563 และคาดการณ์ปลายปี 2565 ทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวและยอดรายได้ที่เกิดจากนักท่องเที่ยวน่าจะขยับขึ้นมาอยู่ที่ 90% ก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19
"ผมมองว่าเราผ่านจุดต่ำสุดแล้ว หลายๆ ธุรกิจเริ่มกลับมา อสังหาฯ หลายโครงการพัฒนากันอย่างต่อเนื่อง และตอนนี้เทศกาลและกิจกรรมด้านการท่องเที่ยว ถูกจัดขึ้นตลอดทุกสัปดาห์ รวมทั้งผู้ประกอบการทุกระดับตื่นตัวเพื่อรองรับลูกค้าชาวไทยและต่างชาติ"
นายคริส กล่าวว่า ทำเลพัทยา ชลบุรี จะยังคงมีการเติบโตด้านการลงทุนอสังหาฯ เนื่องจากผู้ประกอบการยังเชื่อมั่นในศักยภาพของทำเลที่มีความพร้อมในหลายๆ ด้าน และการที่รัฐบาลให้ความสำคัญยกระดับให้ชลบุรีซึ่งเป็นหนึ่งในสามจังหวัดพื้นที่ อีอีซี เป็นต้นแบบพัฒนาเชิงพื้นที่ยุทธศาสตร์ ประกอบกับได้มีนโยบายการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ต่างๆ หลายโครงการมาอย่างต่อเนื่อง และโครงการ NEO PATTAYA ยกระดับเป็นศูนย์กลางท่องเที่ยว EEC สร้างรายได้ชุมชนยั่งยืน ปัจจัยบวกเหล่านี้จะสนับสนุนให้พัทยา ชลบุรีไม่ใช่แค่เมืองท่องเที่ยว แต่จะกลายเป็น "เมืองท่า" สำคัญของกรุงเทพฯ เทียบได้กับ"โอซาก้า"
นางสาวธิดา เชิดสุริยา ประธานกรรมการบริหาร บริษัทในเครือออเนอร์ กรุ๊ป ผู้พัฒนาโครงการกล่าวว่า แม้ว่าช่วงที่ผ่านมาจะเผชิญกับวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 แต่บริษัทก็ไม่หยุดโครงการซึ่งก่อสร้างบนที่ดินกว่า 4.5 ไร่ ติดถนนพัทยาสาย 3 ประกอบด้วยโรงแรม ร้านค้า และคอนโดมิเนียม รวมมูลค่าโครงการทั้งสิ้นกว่า 3,500 ล้านบาท
โดยคอนโดมิเนียมพัฒนาภายใต้ชื่อ วันส์ พัทยา (ONCE PATTAYA) เป็นอาคารสูง 32 ชั้น จำนวนห้องพักอาศัยรวม 427 ยูนิต ขนาดพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 28.4-201 ตารางเมตร (ตร.ม.) ตามเอกสารขาย/ราคาเฉลี่ย 140,000 บาท ต่อ ตร.ม. รวมมูลค่าโครงการประมาณ 2,000 ล้านบาท ปัจจุบันคอนโดมียอดขายแล้วประมาณ 70% ซึ่งก็มีทั้งลูกค้าที่เป็นคนไทยและชาวต่างชาติ ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเป็นบ้านหลังที่ 2 และซื้อเพื่อการลงทุน
ซึ่งทางโครงการยังได้บัตรสมาชิก "Thailand Elite" ของบริษัทไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด (ทีพีซี) รับสิทธิพิเศษของ Privilege Elite Visa สามารถอยู่อาศัยระยะยาวแบบ Long Stay Visa ในเมืองไทยได้นานถึง 20 ปี และขณะนี้ทางโครงการได้จัดโปรโมชั่น Guarantee Yield 6% นาน 3 ปี ด้วยเช่นกัน
สำหรับความคืบหน้าการก่อสร้างคอนโดมิเนียม ONCE PATTAYA นั้นงานด้านโครงสร้างดำเนินงานไปแล้ว 99%, งานด้านสถาปัตย์ 70% และงานวางระบบต่างๆ 90% สรุปโดยรวมแล้วงานก่อสร้าง สิ้นเดือนก.ค. 2565 ดำเนินงานไปแล้ว 80% คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมโอนให้ลูกค้าเข้าอยู่ได้ตามแผนต้นปี 2566
ส่วนความคืบหน้าในส่วนที่เป็นโรงแรมฮิลตัน การ์เด้น อินน์ พัทยา ซิตี้ ขณะนี้ได้ผ่านรับมติเห็นชอบรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเรียบร้อยแล้วและได้เริ่มงานก่อสร้างในส่วนที่เป็นฐานรากแล้ว มีมูลค่าก่อสร้างประมาณ 1,500 ล้านบาท เป็นอาคารสูง 29 ชั้น ขนาด 300 ห้อง พร้อมร้านค้าปลีก 6 ร้าน ขนาดพื้นที่รวม 28,000 ตร.ม. กำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2567
"ฮิลตัน เป็นแบรนด์โรงแรมที่มีชื่อเสียงระดับโลกมาเป็น 100 ปี มาบริหารแบบ Full Management ที่มีระบบบริหารจัดการมาตรฐานเดียวกันทั่วโลกถือเป็นการสร้างอาณาจักร First Iconic Mixed-Use in North Pattaya อย่างสมบูรณ์แห่งเมืองพัทยา"
นางสาวธิดา กล่าวว่า ทั้ง2โครงการ คือ โรงแรม HILTON GARDEN INN PATTAYA CITY และคอนโดมิเนียม ONCE PATTAYA นี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันที่พร้อมบริการลูกค้าผู้บริโภคประกอบกับโครงการตั้งอยู่ในทำเลทองจะส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของเมืองในย่านพัทยาเหนือ และส่งเสริมเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้มีการเติบโต