“นกแอร์” จับตาผลกระทบต่อแผนฟื้นฟูกิจการ?! หลังเครื่องบินไถลออกนอกรันเวย์
ซีอีโอ “นกแอร์” ตั้งโต๊ะแถลง หลังเกิดเหตุเครื่องบินไถลออกนอกรันเวย์ สนามบินแม่ฟ้าหลวง เชียงราย เตรียมปรับแผนบิน อาจกระเทือนเส้นทางบินระหว่างประเทศ พร้อมหารือกันภายในบริษัทถึง “แผนฟื้นฟูกิจการ” ว่าอุบัติเหตุครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทอย่างไร
จากกรณีเหตุการณ์เที่ยวบิน DD108 ของสายการบิน “นกแอร์” เส้นทางกรุงเทพฯ (ดอนเมือง) – เชียงราย ไถลออกนอกทางวิ่ง (รันเวย์) ขณะลงจอดที่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย เมื่อวันที่ 30 ก.ค.2565 เวลา 21.06 น. ซึ่งมีจำนวนผู้โดยสาร 164 คน ลูกเรือ 4 คน นักบินและผู้ช่วยนักบิน 2 คน
นายวุฒิภูมิ จุฬางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เหตุการณ์นี้ “ผู้โดยสารทุกคนปลอดภัย” ปัจจุบันอยู่ระหว่างการตรวจสอบสาเหตุและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
ล่าสุด รายงานข่าวเมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. ของวานนี้ (4 ส.ค.) ระบุว่า ได้มีการเคลื่อนย้ายเครื่องบินมาจอดที่หลุมจอดเสร็จเรียบร้อย
นายวุฒิภูมิ กล่าวว่า บริษัทได้มีมาตรการช่วยเหลือผู้โดยสารที่ตกค้างในระหว่างที่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ปิดทำการ เพื่อให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด โดยบริษัทได้จัดเที่ยวบินพิเศษเส้นทาง ดอนเมือง – เชียงใหม่ เพิ่มเติมวันละ 2 เที่ยวบิน ตลอดจนได้เช่าเหมาลำเครื่องบินและจัดรถรับส่งระหว่างจังหวัดเชียงรายและจังหวัดเชียงใหม่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสาร
สายการบินนกแอร์ต้องขออภัยเป็นอย่างสูงต่อเหตุการณ์และข้อบกพร่องต่างๆ ที่เกิดขึ้น และตระหนักถึงความเดือดร้อนของผู้โดยสารและผู้ที่ได้รับผลกระทบทุกท่าน บริษัทพยายามอย่างยิ่งที่จะบริหารจัดการ ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินและดำเนินการแก้ไขทุกๆ ประเด็นอย่างเต็มความสามารถ โดยปฏิบัติตามขั้นตอนด้านความปลอดภัยของสายการบินตามมาตรฐานสากล ซึ่งคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้โดยสารเป็นสำคัญ
“สำหรับเครื่องบินโบอิ้ง 737-800 ที่ประสบอุบัติเหตุ ยังต้องรอการซ่อม คาดใช้เวลา 2-3 เดือน ทำให้ปัจจุบันนกแอร์มีเครื่องบินโบอิ้ง 737-800 ใช้งาน 11 ลำ แต่จะมีจำนวน 2 ลำที่ต้องเข้ารับการตรวจซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ตามกำหนด โดยเริ่มกลับมาทำการบินได้ในวันที่ 5 ส.ค. จำนวน 1 ลำ และวันที่ 8 ส.ค. อีก 1 ลำ”
ปัจจุบันนกแอร์มีการใช้เครื่องบินเพียง 60-70% ของฝูงบินทั้งหมดจำนวน 14 ลำ นอกจากนี้อายุเครื่องบินยังน้อย อายุเฉลี่ยอยู่ที่ 8 ปี
“หลังจากเกิดเหตุเครื่องบินไถลออกนอกรันเวย์ บริษัทจะหารือกันภายในเกี่ยวกับแผนฟื้นฟูกิจการ ว่าอุบัติเหตุครั้งนี้ซึ่งถือว่าเป็นเหตุการณ์ใหญ่ จะส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทอย่างไร รวมไปถึงค่าใช้จ่ายการซ่อมแซมครั้งนี้ ในส่วนนี้ได้มีการทำประกันภัยไว้ส่วนหนึ่ง ทั้งนี้จะมีการปรับแผนการบิน โดยนอกเหนือจากเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว ยังมีสถานการณ์นอกประเทศ เช่น เหตุการณ์จีน-ไต้หวัน อาจจะมีการปรับแผนเส้นทางบินระหว่างประเทศ”
ตามแผนฟื้นฟูกิจการของนกแอร์ จะเช่าเครื่องบินโบอิ้ง 737-800 เพิ่มจำนวน 6 ลำในช่วงครึ่งหลังปี 2565 จนถึงปี 2566 ซึ่งยังไม่ได้กำหนดเวลารับมอบที่แน่นอน เพราะต้องรอดูสถานการณ์ว่าจีนจะเปิดประเทศเมื่อไร
โดยปัจจุบันนกแอร์มีฝูงบินรวม 17 ลำ แบ่งเป็น โบอิ้ง 737-800 จำนวน 14 ลำ และเครื่องบินใบพัด รุ่น Q400 จำนวน 3 ลำ
กัปตันสุธี จุลชาต ประธานเจ้าหน้าที่สายปฏิบัติการ บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า สำหรับไทม์ไลน์ของเหตุการณ์เที่ยวบิน DD108 ดอนเมือง-เชียงราย อุบัติเหตุเกิดขึ้นเมื่อเวลา 21.06 น. และเวลา 21.08 น. ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัย เจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่สนามบินแม่ฟ้าหลวง เชียงราย มาถึงที่เกิดเหตุ และได้พูดคุยกับกัปตัน
เมื่อตรวจสอบแล้วว่าไม่มีกลิ่นน้ำมัน กัปตันได้ดับเครื่องยนต์หมดแล้ว แน่ใจว่าไม่เกิดประกายไฟ ก็เริ่มทยอยเคลื่อนย้ายผู้โดยสาร แต่ใช้ทางออกประตูหน้าด้านขวา เพราะเครื่องบินล้อจมในดิน ทำให้ท้ายเครื่องยกสูง จึงไม่สามารถออกจากประตูท้ายเครื่องได้ และประตูหน้าด้านซ้ายติดกับกอหญ้าและมีน้ำท่วมขัง รวมทั้งมืด จึงใช้ประตูหน้าด้านขวาเป็นทางออก โดยลำเลียงผู้โดยสารออก และมีเพียงรถตู้ 1 คันและรถพยาบาล จึงให้ผู้โดยสารกลุ่มแรกออกจากตัวเครื่องและถึงรถตู้แล้วเมื่อเวลา 21.21 น. และถึงอาคารผู้โดยสารเมื่อ 21.39 น. จากนั้นก็ทยอยลำเลียงผู้โดยสารออกจนหมดเมื่อเวลา 22.00 น.
“การอพยพผู้โดยสารใช้เวลา 39 นาที โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้โดยสาร ให้ทยอยลงไป ขณะนั้นฝนก็ตกทำให้ผู้โดยสารอยู่ในเครื่องค่อนข้างนาน แต่ผู้โดยสารไม่มีบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ส่วนที่มีข่าวว่าผู้โดยสารไม่ได้รับการดูแล ขอชี้แจงว่ามีเจ้าหน้าที่ของท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงรายมารับผู้โดยสาร และจัดหาน้ำให้ดื่ม แต่ยอมรับไม่มีอาหารว่าง เนื่องจากเป็นช่วงดึกจึงจัดหาได้ไม่ทัน”
สำหรับตัวเครื่องบินที่เกิดอุบัติเหตุ ช่วงแรกคาดว่าจะกู้เครื่องได้ในวันที่ 2 ส.ค. แต่เนื่องจากมีฝนตกหนักในวันที่ 1 ส.ค.อีกรอบ ทำให้ล้อหน้ากลับไปจมดินอีกครั้ง ต่อมาเมื่อวันที่ 3 ส.ค. ได้มีการประสานความร่วมมือกับท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย กองทัพอากาศ สายการบินไทย เข้ามาให้ความช่วยเหลือ จนเมื่อเวลา 4.29 น. ของวานนี้ (4 ส.ค.) สามารถดึงเครื่องบินขึ้นมาบนรันเวย์ได้
กัปตันสุธี กล่าวว่า ส่วนการหาสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุที่ล้อหน้าของเครื่องหักขณะลงจอด ต้องรอเจ้าหน้าที่ของชุดกรรมการตรวจสอบอุบัติเหตุของกระทรวงคมนาคม ที่จะมีการสอบสวนจากกล่องดำ และจากนักบิน
“จากเหตุการณ์นี้ทางนกแอร์ยังไม่ได้ประเมินความเสียหาย แต่คาดว่าใช้เวลาซ่อมเครื่องบิน 2-3 เดือน ทำให้นกแอร์ต้องปรับแผนการบิน อาจกระทบต่อเส้นทางระหว่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่เฉพาะเหตุการณ์นี้ แต่ทุกสายการบินคงต้องปรับแผนตลอดเวลา อย่างวิกฤติโควิด-19 ทำให้สายการบินต้องพร้อมปรับแผนตลอดเวลา นอกจากนี้ยังมีเหตุการณ์จีน-ไต้หวัน มีเหตุการณ์ที่ทำให้เราต้องปรับแผนได้ตลอด” กัปตันสุธีกล่าว