อาจแกว่งบ้างบริเวณ 1,600-1,610 แต่ไม่หลุด 1,577-1,585 จุด ยังมองบวก

อาจแกว่งบ้างบริเวณ 1,600-1,610 แต่ไม่หลุด 1,577-1,585 จุด ยังมองบวก

ปัจจัยต่างประเทศโดยรวมทรงตัวและนักลงทุนรอติดตามเงินเฟ้อสหรัฐฯ สัปดาห์หน้า ประเด็นสำคัญที่มีผลต่อตลาดได้แก่ 1) ตลาดหุ้นต่างประเทศโดยรวมวานนี้ยังปรับขึ้นและยังคงบรรยากาศลงทุนเชิงบวกจากการรายงานผลประกอบการของบริษัทส่วนใหญ่ที่ดีกว่าคาด

2) ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) มีมติปรับขึ้นดอกเบี้ย นโยบาย 0.50% สู่ระดับ 1.75%  ขณะที่แถลงการณ์ระบุเศรษฐกิจอังกฤษจะเข้าสู่ภาวะถดถอย (recession) ตั้งแต่ไตรมาส 4/65-4/66 3) ตลาดรอติดตามการจ้างงานนอกภาคเกษตร สหรัฐฯ ก.ค. ที่จะรายงานคืนนี้ Bloomberg concensus คาด 250,000 ตำแหน่ง (ลดลงจาก มิ.ย.ที่ 372,000 ตำแหน่ง) แม้การรายงานตัวเลขแข็งแกร่งกว่าคาดอาจทำให้ตลาดมองลบบ้าง แต่เชื่อว่าผลสุทธิยังเป็นบวก จากการลดโอกาสเกิดเศรษฐกิจถดถอย 4) ติดตามการรายงานเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือนก.ค. (10 ส.ค.) ตลาดคาดลดลงสู่ระดับ 8.8% (จาก มิ.ย.ที่ 9.1%) ซึ่งจะเป็นเป็นปัจจัยบวกหนุนบรรยากาศลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง
 

ตัวเลขเงินเฟ้อก.ค.อาจเพิ่มคาดการณ์ระดับการขึ้นดอกเบี้ยของกนง. กระทรวงพาณิชย์รายงานเงินเฟ้อไทย ก.ค. วันนี้ Bloomberg concensus คาดเร่งตัวขึ้นเป็น 8% (จาก มิ.ย.ที่ 7.66%) ทั้งนี้เงินเฟ้อในระดับดังกล่าวหรือมากกว่าคาด จะเป็นปัจจัยทำให้นักลงทุนคาดการณ์ถึงการประชุม กนง. (10 ส.ค.) อาจมีโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในอัตราเร่งขึ้นเป็น 0.50% (จาก 0.25%) ซึ่งในระยะสั้นอาจเป็นปัจจัยลบกับกลุ่มที่ไวต่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตร อาทิ การเงิน, เช่าซื้อ, ไฟฟ้า// สำหรับกุล่มการเงินและเช่าซื้อ – เรามองเงินเฟ้ออาจทำให้อาจมีแรงขายทำกำไรบ้าง แต่การย่อตัวยังเป็นโอกาสทยอยสะสมหลังเราประเมินความกังวลส่วนใหญ่มาจากเรื่อง NPL และการตั้งสำรอง ซึ่งแรงกดดันดังกล่าวจะลดลงหลังรายงานผลประกอบการ // สำหรับหุ้นไฟฟ้า – แม้ผลประกอบการน่าจะผ่านจุดต่ำสุดแล้ว แต่เรามองงบมีความเสี่ยงจากเงินบาทที่อ่อนค่า ทำให้อาจมีผลขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน ดังนั้นแนะนำไม่ไล่ราคา และสำหรับผู้สนใจ ให้รอเข้าซื้อหลังเห็นผลประกอบการแล้ว 
 

ประเด็นเก็งกำไรอื่น 1) กลุ่มเครื่องดื่ม อาทิ OSP, CBG, ICHI, SAPPE 2) กลุ่มท่องเที่ยว AOT, CENTEL, ERW, MINT, BAFS, AAV, SHR, VRANDA, SPA 3) กลุ่มเปิดเมือง CPALL, MAKRO, MAJOR, MBK 4) กลุ่มอาหารและเกษตร CPF, GFPT, TFG, TU, KSL, KTIS, KBS, BIS, ASIAN  5) หุ้นได้ประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน BABA80, TENCENT80, CHINA, STAR5001 6) เก็งกำไรทางเทคนิค JMT, HANA, PTL, PR9, TEAM, OTO, ICHI

 

ภาพรวมกลยุทธ์: มองบวกตราบใดไม่หลุด 1,577-1,585 จุด โดยแนวโน้มส.ค.มีโอกาสขยับกรอบไปถึง 1,630-1,650 จุด ภาพใหญ่เน้นเลือกซื้อ กลุ่มหุ้นเปิดเมือง (ท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้า ค้าปลีก) ขณะที่เก็งกำไรระยะสั้น มองหุ้นใหญ่ที่อาจได้ประโยชน์จากเงินทุนไหลเข้ารอบใหม่ อาทิ ธนาคาร การเงิน มีความน่าสนใจ สำหรับ DR หุ้นจีน ทยอยสะสม   //หุ้นแนะนำ:  MBK*, WHA*, OR*, TVDH* 

แนวรับ: 1,585 / แนวต้าน : 1,610 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%

ประเด็นการลงทุน

สหรัฐเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานใกล้นิวไฮ 8 เดือน – เพิ่มขึ้น 6,000 ราย สู่ระดับ 260,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ใกล้ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2564 และสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

BoE ขึ้นดอกเบี้ย 0.50% พร้อมเตือนเศรษฐกิจถดถอยตั้งแต่ Q4/65 - ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.50% สู่ระดับ 1.75% โดยเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 27 ปีของ BoE หรือนับตั้งแต่ปี 2538 พร้อมออกแถลงการณ์เตือนว่า เศรษฐกิจอังกฤษจะเข้าสู่ภาวะถดถอยตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปี 2565 จนถึงสิ้นปี 2566 จะเผชิญภาวะถดถอยนานถึง 5 ไตรมาส ซึ่งเป็นช่วงเวลายาวนานที่สุดนับตั้งแต่ที่เศรษฐกิจโลกเผชิญวิกฤตการเงิน 

ดัชนีเชื่อมั่นที่พักแรมก.ค.ดีขึ้น - ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่พักแรมเดือน ก.ค.65 พบว่า อัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 45% เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน และเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามการยกเลิก Thailand Pass และการขยายสิทธิโครงการเราเที่ยวด้วยกันเป็นสำคัญ คาดการณ์ว่าอัตราการเข้าพักเดือน ส.ค.65 โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 42% ผู้ประกอบการโรงแรม มีการจ้างงานเฉลี่ย 71% ของช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ซึ่งใกล้เคียงกับเดือนก่อน 

BGRIM เซ็น MOU กับ ผลิต-ไฟฟ้าลาว –เพื่อร่วมศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังน้ำ พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ ระบบส่ง และการจำหน่ายไฟฟ้าภายในและต่างประเทศ 

ตลท.ให้ ASN ใช้เกณฑ์ Cash Balance – ตั้งแต่ 5 ส.ค.-25 ส.ค.

 

ประเด็นติดตาม: 5 ส.ค. – TH CPI, US Nonfarm Payrolls, US Unemployment Rate / 10 ส.ค. – ประชุม กนง, US CPI / 11 ส.ค. – US PPI, OPEC Monthly Report

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)