EIC คาดท่องเที่ยวส่งสัญญาณดีขึ้นหนุนการฟื้นตัวธุรกิจโรงแรมและธุรกิจการบิน
EIC คาดภาคท่องเที่ยวส่งสัญญาณดีขึ้นจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ และนักท่องเที่ยวไทยสนับสนุนการฟื้นตัวของธุรกิจโรงแรม และธุรกิจการบิน
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินว่า ภาพรวมภาคการท่องเที่ยวในปี 2565 มีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นทั้งจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ และนักท่องเที่ยวชาวไทย
• นักท่องเที่ยวต่างชาติ มีแนวโน้มเร่งตัวจากอุปสงค์คงค้างของการท่องเที่ยว (Pent-up demand) โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามายังไทย มีโอกาสเพิ่มสูงกว่าที่คาดไว้จาก 7.4 ล้านคน เป็นอาจแตะ 10 ล้านคน ซึ่งหลังไทยประกาศเปิดประเทศเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2564 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวที่ดีจากสถานการณ์โควิด โลกที่เริ่มดีขึ้นจากอัตราการฉีดวัคซีนที่สูงขึ้น จึงทำให้หลายประเทศรวมทั้งไทยทยอยผ่อนคลายมาตรการ การเดินทางระหว่างประเทศ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลาง เอเชียใต้ และอาเซียนที่มีแนวโน้มฟื้นตัวได้ดี
• นักท่องเที่ยวชาวไทยมีแนวโน้มเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ และต่างประเทศมากขึ้นต่อเนื่อง โดยหลังผ่อนคลายมาตรการในช่วงกันยายน 2564 นักท่องเที่ยวไทยเริ่มเดินทางท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดส่วนหนึ่งมาจากประชาชนส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนกระตุ้นทำให้เกิดความมั่นใจในการท่องเที่ยวรวมถึงมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐ ที่ออกมาอย่างต่อเนื่อง ยิ่งไปกว่านั้น หลังการเปิดประเทศของไทย และการผ่อนคลายมาตรการเข้าประเทศทั่วโลก ได้ส่งผลให้นักท่องเที่ยวไทยเริ่มออกไปเที่ยวต่างประเทศเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในอาเซียน และเอเชีย
• อย่างไรก็ดี ภาวะเงินเฟ้อ และภาวะเศรษฐกิจที่เปราะบางในปัจจุบันอาจส่งผลกระทบต่อการเดินทางและการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจากค่าใช้จ่ายในด้านการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะค่าน้ำมัน และกำลังซื้อที่ลดลง
การฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวส่งผลให้ธุรกิจโรงแรมในปี 2565 มีแนวโน้มเริ่มฟื้นตัวได้มากขึ้นแต่ยังต้องพึ่งพารายได้จากนักท่องเที่ยวไทยเป็นหลัก
• จำนวนผู้เข้าพักและอัตราการเข้าพักมีแนวโน้มเติบโตดีขึ้น จาก 1.นักท่องเที่ยวไทยที่มีความมั่นใจในการเดินทางมากขึ้น แต่กำลังซื้อที่ลดลงกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นอาจส่งผลให้นักท่องเที่ยวไทยเลือกเดินทางไปยังจังหวัดใกล้เคียง หรือจังหวัดเมืองรองเพื่อลดค่าใช้จ่าย และ 2.นักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มเร่งตัวจาก Pent-up demand ของการท่องเที่ยวแต่ยังต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวให้กลับไปเท่าช่วงก่อนโควิด เนื่องจากนักท่องเที่ยวกลุ่มหลัก อย่างจีนยังไม่สามารถกลับมาฟื้นตัวได้ในระยะเวลาอันใกล้
• ราคาที่พักเฉลี่ยมีแนวโน้มปรับขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ธุรกิจโรงแรมส่วนใหญ่ยังใช้กลยุทธ์ด้านราคาในการแข่งขัน
โดยการจัดโปรโมชั่น และการกำหนดราคาที่สอดคล้องกับกำลังซื้อของนักท่องเที่ยวในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน
• อย่างไรก็ดี ธุรกิจโรงแรมที่พึ่งพารายได้จากนักท่องเที่ยวไทยเป็นหลักมีแนวโน้มฟื้นตัวได้เร็วแต่ยังต้องเผชิญความท้าทายจาก 1.ต้นทุนการดำเนินงานที่สูงขึ้น และปัญหาการขาดแคลนแรงงานภาคบริการ 2.นักท่องเที่ยวไทยที่มีกำลังซื้อบางส่วนเริ่มเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศมากขึ้น 3.การแข่งขันที่สูงขึ้นในธุรกิจโรงแรมจากการลดราคาห้องพักของโรงแรมในระดับ 4-5 ดาว รวมถึงการแข่งขันจากโรงแรมที่เคยปิดบริการชั่วคราวที่เริ่มกลับมาให้บริการมากขึ้น
EIC คาดภาคท่องเที่ยวส่งสัญญาณดีขึ้นจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ และนักท่องเที่ยวไทยสนับสนุนการฟื้นตัวของธุรกิจโรงแรมและธุรกิจการบิน
ในทำนองเดียวกัน ธุรกิจสายการบินสัญชาติไทยในปี 2565 มีแนวโน้มเริ่มทยอยฟื้นตัวจากที่หดตัวรุนแรงในปี 2563-2564 จากวิกฤติ COVID-19 และมีมูลค่าราว 1.2-1.3 แสนล้านบาท (คิดเป็น 40% ของรายได้ปี 2562)
รายได้ขนส่งผู้โดยสารในเส้นทางระหว่างประเทศที่เร่งตัวขึ้น และมีมูลค่าราว 5-6 หมื่นล้านบาท จาก Pent-up demand ของการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ ซึ่งส่งผลให้มีการเปิดเส้นทางบินใหม่ และเพิ่มความถี่เที่ยวบินอย่างต่อเนื่องในหลายเส้นทางโดยเฉพาะในฝั่งอาเซียน และเอเชีย อีกทั้ง สล็อตตารางบินในหลายสนามบินของไทยในช่วงฤดูหนาวปี 2565 ได้ถูกจองล่วงหน้าจนค่อนข้างเต็มแล้ว นอกจากนี้ จากผลสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคของ EIC ในเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา พบว่าในอีก 6 เดือนข้างหน้า นักท่องเที่ยวไทย 65% วางแผนเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศอย่างน้อย 1 ครั้ง
รายได้ขนส่งผู้โดยสารเส้นทางในประเทศและอื่นๆ ที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง และมีมูลค่าราว 5 หมื่นล้านบาท จากการเดินทางของนักท่องเที่ยวไทยที่เพิ่มขึ้น และการเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะช่วยเพิ่มการเดินทางในประเทศ
รายได้ขนส่งสินค้าที่เติบโตต่อเนื่องจนมีมูลค่าราว 2 หมื่นล้านบาท โดยหลายสายการบินได้ปรับตัวมาให้บริการขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้น อีกทั้ง อัตราค่าบริการขนส่งทางอากาศยังคงอยู่ในระดับสูงเมื่อเปรียบเทียบกับปี 2562
อย่างไรก็ดี การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการบินยังเผชิญความท้าทายหลายประการที่จะสร้างความเสี่ยงต่อภาวะทางการเงินที่ค่อนข้างเปราะบาง ได้แก่ 1.ภาระต้นทุนค่าใช้จ่าย และหนี้สินที่เร่งตัวขึ้นจากหลายปัจจัยโดยเฉพาะราคาน้ำมันเชื้อเพลิง 2.การฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนที่ใช้เวลาค่อนข้างนาน 3.การฟื้นตัวของขีดความสามารถในการดำเนินการด้านการบิน 4.ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ และ 5.การแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจสายการบิน
ในระยะข้างหน้า EIC ประเมินว่านักท่องเที่ยวชาวไทย มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง ขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ดีขึ้น ซึ่งส่งผลให้ธุรกิจโรงแรม และธุรกิจการบินมีแนวโน้มฟื้นตัวกลับไปเทียบเท่าก่อนโควิดได้ในช่วงปลายปี 2567 และ 2568 เป็นต้นไป ตามลำดับ
๐ นักท่องเที่ยวชาวไทยคาดว่าจะฟื้นตัวกลับไปที่ก่อนโควิดได้ในช่วงปี 2566 ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มฟื้นตัวในช่วงปลายปี 2567 โดยนักท่องเที่ยวชาวไทยที่มีกำลังซื้อบางส่วนจะออกเดินทางท่องเที่ยวระหว่างประเทศมากขึ้น ขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติจะฟื้นตัวได้ดีจากนักท่องเที่ยวกลุ่มหลักของไทยอย่างนักท่องเที่ยวจีนที่คาดว่าจะกลับมาเดินทางระหว่างประเทศได้ในช่วงปี 2566 เป็นต้นไป ซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องต่อการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวไทยที่พึ่งพารายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก และทำให้ธุรกิจโรงแรมและธุรกิจการบินของไทยเริ่มฟื้นตัวกลับไปเทียบเท่าก่อน COVID-19 ตั้งแต่ปลายปี 2567 เป็นต้นไป
อย่างไรก็ดีธุรกิจในภาคการท่องเที่ยวยังมีความท้าทายอีก 4 ประเด็นที่ต้องเผชิญในอนาคต
• โครงสร้างนักท่องเที่ยวที่จะเปลี่ยนแปลงไปทั้งสัญชาติ และ Generations ซึ่งส่งผลต่อความต้องการบริการในอนาคต
• การเดินทางเพื่อทำธุรกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัวล่าช้าจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ทำให้วิถีการทำงานและการทำธุรกิจเปลี่ยนไปสู่การประชุมทางออนไลน์มากขึ้น
• การเข้าสู่ Net zero emission 2593 ซึ่งทำให้ธุรกิจโรงแรม และการบินต้องรีบปรับตัวในการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน
•Digital transformation ในภาคการท่องเที่ยว เทคโนโลยีดิจิทัลจะมีบทบาทมากขึ้น เพื่อตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่
ทั้งนี้ EIC มองว่าธุรกิจโรงแรม และธุรกิจการบินต้องเร่งปรับกลยุทธ์เพื่อฟื้นตัวจากวิกฤติ COVID-19 ดังต่อไปนี้
• กลยุทธ์หลักของธุรกิจโรงแรม 3 ประการ ได้แก่1.การกระจายความเสี่ยง และการหาช่องทางเพิ่มรายได้ในระยะยาว โดยลดการพึ่งพารายได้จากนักท่องเที่ยวกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งแล้วพิจารณานักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่เพิ่มเติม รวมถึงจากการใช้ประโยชน์สูงสุดของพื้นที่ และปรับเปลี่ยนบริการที่เป็นรายได้เสริมให้เป็นธุรกิจหลัก เช่น การจัดงานตามเทศกาล และงานที่ร่วมมือกับท้องถิ่น การบริการอาหารและเครื่องดื่ม 2.การสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับนักท่องเที่ยว โดยการยกระดับการบริการที่หลากหลายเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวแต่ละกลุ่มวัย เช่น การนำเทคโนโลยีมาใช้มากขึ้น การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ 3.การสร้างพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อสร้างโอกาส และมูลค่าทางธุรกิจ เช่น การร่วมมือกับธุรกิจด้านสุขภาพเพื่อรองรับการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ และการร่วมมือกับผู้พัฒนาแอปพลิเคชันเพื่อให้ลูกค้าได้เข้าถึงบริการได้ง่ายขึ้น
3 กลยุทธ์สำคัญของธุรกิจการบิน ได้แก่ 1.การปรับตัวเพื่อตอบสนองพฤติกรรมผู้โดยสารที่เปลี่ยนแปลงไปจากวิกฤติCOVID-19 และจากกลุ่มผู้เดินทางใหม่ เช่น การพัฒนาระบบการเดินทางแบบไร้สัมผัส การปรับรูปแบบบริการ และโครงสร้างราคาให้เหมาะกับพฤติกรรมผู้โดยสารในปัจจุบัน และการเสนอ Personalized experience ในการเดินทาง
2.การมุ่งเน้นพัฒนาประสิทธิภาพในการดำเนินการ และลดต้นทุน เช่น การบริหารจัดการปริมาณเที่ยวบิน ฝูงบิน และเส้นทางบินให้เหมาะสมกับสภาพตลาด การเร่งจองสล็อตการบินใหม่ที่ว่างจากช่วง COVID-19 การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการดำเนินการ และพยากรณ์อนาคต และการใช้เครื่องบินรุ่นใหม่ที่ประหยัดพลังงานมากขึ้น และบินได้ระยะทางไกลขึ้น
3.เทรนด์ De-carbonisation และการสร้างความยั่งยืนเพื่อสนับสนุนเป้าหมายของอุตสาหกรรมในการเป็น Net zero emission ภายในปี 2593 และตอบสนองต่อพฤติกรรมผู้โดยสารในปัจจุบันที่รักษ์สิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์