ปรับพอร์ตการลงทุน หวั่นเศรษฐกิจถดถอยฉุด 'ราคาน้ำมัน' ร่วงหลุด 100 ดอลลาร์
“น้ำมัน” ถือเป็นแหล่งพลังงานหลักของโลก ถูกนำไปใช้ในหลายกิจกรรม ทั้งภาคการผลิต การเดินทาง การขนส่ง เป็นต้นทุนหลักในการผลิตสินค้าและบริการต่างๆ มากมาย ดังนั้น การขึ้นลงของราคาน้ำมันย่อมส่งผลกระทบต่อรายจ่ายของภาคธุรกิจและประชาชนโดยตรง
ราคาน้ำมันดิบ ตลาดโลกปีนี้ออกตัวแรงตั้งแต่ต้นปี หลังเกิดเหตุการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซีย-ยูเครน โดยรัสเซียเปิดฉากโจมตียูเครนประเทศเพื่อนบ้านที่ต่างเคยเป็นส่วนหนึ่งของอดีตสหภาพโซเวียตมาก่อน โดยไม่สนคำคัดค้านของนานาประเทศ
จนทำให้รัสเซียถูกบอยคอตจากเวทีโลก นำโดยสหรัฐและพันธมิตรยุโรปเดินหน้าออกมาตรการคว่ำบาตร ยึดทรัพย์สิน ทุนสำรองระหว่างประเทศ รวมทั้งตัดสัมพันธ์ทางการค้าการลงทุนกับรัสเซีย
ซึ่งหนึ่งในผลกระทบที่ตามมา คือ ทำให้ราคาน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างร้อนแรง เนื่องจากรัสเซียถือเป็นผู้ผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ของโลก เมื่อถูกคว่ำบาตรส่งผลกระทบต่อการผลิตและส่งออกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของรัสเซีย ทำให้ซัพพลายในตลาดโลกลดลง ส่งผลให้ราคาพลังงานทั้งโลกพุ่งกระฉูด
โดยราคาน้ำมันดิบที่อยู่ในช่วงขาลงมานานกว่า 2 ปี ตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 เริ่มเปลี่ยนทิศกลับสู่ขาขึ้นอย่างเต็มรูปแบบหลังสงครามปะทุขึ้น โดยไม่กี่วันหลังรัสเซียเปิดฉากถล่มยูเครนราคาน้ำมันดิบโลกพุ่งทะลุ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี
ราคาน้ำมันดิบ WTI ตลาดนิวยอร์ก ขึ้นไปทำจุดสูงสุดรอบนี้ที่เกือบ 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในช่วงต้นเดือนพ.ค. ที่ผ่านมา เช่นเดียวกับราคาน้ำมันดิบ Brent ลอนดอน ทำนิวไฮที่ 126 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อน้ำมันขึ้นแรงส่งผลให้เงินเฟ้อพุ่งตามทันที จนหลายประเทศงัดยาแรงประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อลดความร้อนแรงของภาวะเงินเฟ้อ
แน่นอนว่าเมื่อตั้งใจดึงเงินเฟ้อลงมา ย่อมทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงไปด้วย โดยเวลานี้เริ่มมีความวิตกว่าเศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอย ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันลดลง กลายเป็นปัจจัยกดดันให้ราคาน้ำมันย่อตัวลงอีกครั้ง
โดยขณะนี้สัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจเริ่มชัดขึ้น นำโดยสหรัฐที่ล่าสุดจีดีพีไตรมาส 2 ปี 2565 ออกมาหดตัว 0.9% จากช่วงไตรมาส 1 ปี 2565 ที่หดตัว 1.6% ถือเป็นการติดลบต่อเนื่อง 2 ไตรมาสติดต่อกัน เข้านิยาม “เศรษฐกิจถดถอยเชิงเทคนิค”
ส่วนธนาคารกลางอังกฤษประกาศขึ้นดอกเบี้ย 0.50% มากที่สุดในรอบ 27 ปี และเตือนว่าเศรษฐกิจอังกฤษจะต้องเผชิญกับภาวะถดถอยถึง 5 ไตรมาส ถือว่ายาวนานที่สุดนับตั้งแต่ช่วงวิกฤตทางการเงิน
ด้านยักษ์ใหญ่ในฝั่งเอเชีย เศรษฐจีนยังไม่ฟื้นจากโคม่า จีดีพีไตรมาส 2 ปี 2565 ต่ำกว่าเป้าเติบโตเพียงแค่ 0.4% หลังต้องมีการล็อกดาวน์รอบใหม่ในหลายพื้นที่ ล่าสุดจีนสั่งล็อกดาวน์เมืองซานย่า เมืองท่องเที่ยวสำคัญทางตอนใต้ของมณฑลไหหลำ หลังจำนวนผู้ติดเชื้อปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น
โดยจีนถือเป็นผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่ของโลก ดังนั้นเมื่อจีนยังต้องปิดประเทศ ส่งผลให้ดีมานด์ความต้องการใช้น้ำมันทั้งโลกหายไปไม่น้อย
ความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย กลายเป็นปัจจัยสำคัญกดดันราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ในช่วงนี้ โดยในการซื้อขายเมื่อวันที่ 4 ส.ค. ราคาน้ำมันดิบหลุดลงมาต่ำกว่า 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ร่วงลง 2.12 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 88.54 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
เมื่อราคาน้ำมันเปลี่ยนทิศ กลยุทธ์การลงทุนต้องเปลี่ยนไปด้วย ช่วงนี้ควรสลับกลุ่มจากหุ้นพลังงานต้นน้ำ อย่างบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP รวมถึงหุ้นถ่านหิน บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU ไปยังหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันขาลง เช่น กลุ่มขนส่ง สายการบิน โรงไฟฟ้า วัสดุก่อสร้าง สินค้าอุปโภคบริโภค