เปิดเกมรุก ‘วัตสัน’ ก้าวสู่ทศวรรษที่ 3 เชื่อมชอปปิงออฟไลน์-ออนไลน์ โกยยอด

นายพสิษฐ์ มั่นคงขันติวงศ์ กรรมการผู้จัดการ วัตสัน ประเทศไทย เปิดเผยว่า วัตสันยังเดินหน้าสู่การเป็นผู้นำร้านสุขภาพและและความงามของประเทศไทย และการดำเนินธุรกิจเพื่อก้าวสู่ทศวรรษที่ 3 หรือปีที่ 30 ในประเทศไทย จะใช้กลยุทธ์ โอพลัสโอ(O+O) เชื่อมโลกชอปปิงออฟไลน์สู่ออนไลน์แบบไร้รอยต่อยิ่งขึ้น สร้างการเติบโตของยอดขายควบคู่กันทุกช่องทางจำหน่ายสินค้า

ปัจจุบันวัตสันมีร้านจำหน่ายสินค้าราว 630 สาขา ภายในสิ้นปี 2565 คาดการณ์มีร้านแตะ 650 สาขา ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายทั่วไทย ขณะที่แนวทางการขยายสาขาตามวิสัยทัศน์มุ่งสู่ปีที่ 30 ยังคงให้น้ำหนักการเปิดร้านอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ย 50 สาขาต่อปี แม้โลกการค้าออนไลน์มีอิทธิพล แต่ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา บริษัทลงทุนเปิดร้านใหม่ในอัตราดังกล่าว

ทั้งนี้ ช่วงโควิด-19 ระบาด บริษัทมีการเปิดร้านโมเดลใหม่อย่าง วัตสัน มาร์เก็ต โดยยึดทำเลตลาดสดที่มีภาพลักษณ์ทันสมัย เช่น ตลาดสดธนบุรี ตลาดสดเอ-ซี สายไหม เพื่อเปิดร้านวัตสัน ขนาด 130-140 ตารางเมตร(ตร.ม.) และเน้นจำหน่ายสินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน เช่น ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณ(สกินแคร์) และสินค้าเครื่องใช้ส่วนบุคคล(เพอร์ซันนอลแคร์)ต่างๆ ซึ่งตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย ที่ยังไม่ต้องการไปซื้อสินค้าในห้างค้าปลีกมากนัก

สำหรับโมเดลของร้านวัตสัน มีทั้งในห้างค้าปลีก ไฮเปอร์มาร์เก็ต คอมมูนิตี้มอลล์ต่างๆ โดยโมเดลเจาะทำเลมาร์เก็ต ให้บริการลูกค้าแล้วราว 10 สาขา

ส่วนการรุกช่องทางออนไลน์ ซึ่งการเติบโตมีศักยภาพสูงมาก จากพฤติกรรมผู้บริโภคขาช้อปมีการซื้อสินค้ามากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับช่วงโควิด-19 ระบาด สร้างปฏิริยาเร่งให้ผู้คนซื้อสินค้าผ่านออนไลน์มากขึ้น บริษัทจึงเตรียมนำเทคโนโลยี เข้ามายกระดับการชอปปิง รวมถึงเตรียมขยายคลังสินค้าอีก 1 แห่ง เพื่อรองรับการเติบโตภายใน 3 ปี หลังจากที่ผ่านมาเพิ่งลงทุนสร้างคลังสินค้าขนาด 1,000 ตร.ม. ย่านลาดพร้าว

สำหรับพฤติกรรมผู้บริโภคในการซื้อสินค้าผ่านออนไลน์มีมากถึง 3 เท่าตัว เมื่อเทียบกับการช้อปในร้านวัตสัน และสินค้ายอดนิยมแตกต่างกัน เช่น หน้าร้านไอเทมขายดี เป็นกลุ่มสกินแคร์ และแพลตฟอร์มออนไลน์มีสินค้าให้เลือกช้อปกว่า 15,000 รายการ(เอสเคยู) สูงกว่าที่ร้าน 3 เท่าตัว

“วัตสัน รุกตลาดรีเทลในประเทศไทยมา 26 ปี การเติบโตของบริษัทหลักๆยังมาจากการขยายสาขาหรือยอดขายหน้าร้าน(ฺBrick-and-Mortar) ส่วนการรุกออนไลน์เพิ่งลุยในช่วง 5-6 ปีเท่านั้น ทำให้ยอดขายโดยรวม ยังสอดคล้องกับทิศทางค้าปลีกโดยรวมที่ออนไลน์มีสัดส่วนไม่ถึง 10%”

นอกจากพฤติกรรมการชอปปิงของผู้บริโภคเปลี่ยนไปซื้อสินค้าผ่านออนไลน์มากขึ้น หมวดหมู่สินค้าขายดีหลังโควิด-19 ระบาด ได้แก่ สินค้าเพื่อสุขภาพ รวมถึงสินค้าระดับพรีเมียม และหลังโควิดคลี่คลาย สินค้ายอดฮิต ได้แก่ เครื่องสำอาง ลิปสติก ฯ มีการเติบโตอัตรา 3 หลัก