SUPALI ชี้ดบ.ขึ้นไร้กระทบอสังหาฯ คาดยอดขายครึ่งปีหลังโตดีกว่าครึ่งปีแรก

SUPALI ชี้ดบ.ขึ้นไร้กระทบอสังหาฯ คาดยอดขายครึ่งปีหลังโตดีกว่าครึ่งปีแรก

“ศุภาลัย”ชี้ กนง.ขึ้นดบ. 0.25% -ค่อยเป็นค่อยไป ไร้กระทบอสังหาฯ ประเมินกระทบกำลังซื้อลดลง 1-1% กว่าเท่านั้น และโครงการเดิมล็อกต้นทุนแล้ว ขณะที่ครึ่งปีหลังสัญญาณบวก ศก.ฟื้น หนุนยอดขาย-เร่งโอนกรรมสิทธิ์  มั่นใจรายได้เข้าเป้า 2.9 หมื่นล้าน กำไรไม่ต่่ำกว่าปีก่อน

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI เปิดเผยว่า หลังที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ในรอบนี้ มองว่า ไม่ได้มีผลตลาดอสังหาริมทรัพย์ให้แตกต่างจากครึ่งปีแรกอย่างมีนัยสำคัญมาก       

เพราะเป็นการขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.25% และค่อยเป็นค่อยไป ไม่ได้ขึ้นมากและไม่ขึ้นถี่ เหมือนที่กังวลกันตอนแรกแล้ว และสถานการณ์ครึ่งปีหลังต่างๆ ปรับตัวดีขึ้น ทำให้คงมีผลต่อตลาดอสังหาฯ น้อยมาก  

 

โดยปกติเมื่อปรับขึ้นดอกเบี้ยทุกๆ 1% พบว่าจะกระทบกำลังซื้อลูกค้าลดลงราว 5-7% แล้วแต่ช่วงเวลา ดังนั้นตอนนี้ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% จะกระทบกำลังซื้อลูกค้าลดลงเพียง 1-1% กว่า  มองว่า กำลังซื้อลูกค้าไม่ได้ลดลงมากนัก ขณะที่ภาพรวมจีดีพี เป็นปัจจัยที่จะมีผลกระทบกับตลาดอสังหาฯ มากกว่า

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของเรา โครงการส่วนใหญ่เป็นโครงการแนวราบที่เสร็จในครึ่งปีแรกแล้ว ยังคงเป็นต้นทุนเดิม และแม้ต้นทุนปรับขึ้นแล้ว แต่โครงการแนวราบยังมียอดขายดีต่อเนื่อง ซึ่งลูกค้ารับรู้กัราคาบ้านที่ปรับขึ้นได้ ประกอบกับยังมีสัญญาณการปล่อยสินเชื่อของแบงก์ดีต่อเนื่องและตลาดภาพรวมปรับตัวดีขึ้นจากการเปิดประเทศคาดว่าตลาดอสังหาฯ ครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งปีแรก

นายไตรเตชะ กล่าวว่า ทิศทางครึ่งปีหลัง 2565 แม้ยังมีอุปสรรคบ้าง จากเงินเฟ้อและดอกเบี้ยสูงขึ้น และค่าแรงกระทบบ้างแต่ไม่มาก แต่เราได้ปรับกลยุทธ์ตั้งแต่ต้นปี เน้นการควบคุมต้นทุนได้ดีและใช้การปรับเปลี่ยนวิธีการก่อสร้างเพื่อลดต้นทุน  และพร้อมส่งผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ลูกค้ารับกับต้นทุนที่ปรับสูงขึ้นได้ 

มั่นใจว่าปีนี้ยังสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมาย โดยมีรายได้ไว้ที่ 29,000 ล้านบาท และคาดว่ากำไรปีนี้ไม่ต่างจากปีก่อน แนวโน้มยอดขายครึ่งหลังปีนี้ คาดว่าเติบโตได้ดีขึ้นต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก ทั้งส่งผ่านราคาต้นทุนบางส่วนและลดต้นทุนบางส่วนได้ลูกค้ารับได้ สะท้อนสินค้าสร้างเสร็จพร้อมขายพร้อมโอนยังขายได้ดีต่อเนื่อง และยอดขายจากโครงการใหม่ในครึ่งปีหลังเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยอดการโอนกรมสิทธิ์จะเกิดขึ้นมาในไตรมาส 3 และ ไตรมาส 4  ปีนี้ จากโครงการสร้างเสร็จในไตรมาส 2ที่ผ่านมานี้ 

พร้อมกันนี้ยังคงเดินหน้าครึ่งปีหลัง เปิดโครงการ อีก 21 โครงการ มูลค่า 20,000 ล้านบาท  แม้มูลค่าโครงการใกล้เคียงกับครึ่งปีแรก แต่จำนวนโครงการครึ่งปีหลังมากกว่า 

โดยวางเป้าหมายปีนี้ เปิดตัวโครงการใหม่  34 โครงการ มูลค่า 40,000 ล้านบาท และยังคงงบลงทุน ปีนี้ไว้ที่ 20,000 ล้านบาท แบ่งเป็นซื้อที่ดิน 8,000 ล้านบาท และก่อสร้างพัฒนาโครงการ 12,000 ล้านบาท

 " หากสามารถครึ่งปีหลังยังดีต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก เชื่อว่า มีโอกาสได้ดีกว่าเป้าหมายได้เช่นกัน จากยอดขายครึ่งปีแรกทำได้สัดส่วน 60% ของเป้าหมายแล้ว จากสัญญาณแบงก์แข่งขันการปล่อยสินเชื่อ ยอดปฏิเสธิสินเชื่อ ลูกค้าลดลง เรามีการปรับโปรดักส์ทั้งแนวราบและคอนโดฯ สามารถปิดการขายได้ดีขึ้น" 

นายกรรณ์   หทัยศรัทธา นักกลยุทธ์การลงทุน บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ผลการปรับดอกเบี้ยนโยบายของกนง.ที่ 0.25%  ส่งผ่านไปยังการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ยังจำกัด ทั้งในแง่ของต้นทุนทางการเงินและกำลังซื้อ

ดังนั้นมองว่า ยังเป็นเซ็นทริเม้นท์เชิงบวกต่อกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะ SPALI ที่กำไรไตรมาส 2 ปี 2565  ที่ 2,070 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.9%จากช่วงเดียวกันปีก่อนและเพิ่มขึ้น 76.2%จากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งสูงกว่าที่เราคาดการณ์ไว้17.1% และสูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ 26.8%  และขณะที่รายได้จากออสเตรเลียเป็นส่วนที่ทำให้กำไรสูงกว่าคาด ทั้งนี้รายได้ที่ขยายตัว เป็นปัจจัยหลักขับเคลื่อนการเติบโตกำไรปีนี้ มองราคาเป้าหมายปีนี้ 25.25 บาท