คุยกับ “กิตติกร คิ้วคชา” ปั้น “คาร์นิวัลเมจิก” ฝัน 20 ปี 3 วิกฤติ กว่าจะเป็นจริง
เปิดใจ “กิตติกร คิ้วคชา” กับแผนปั้น “คาร์นิวัลเมจิก” ต่อยอดจากภูเก็ตแฟนตาซี หวังเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ให้ไข่มุกอันดามัน ทุ่มงบ 6,600 ล้านบาท ตั้งเป้าเปลี่ยนเกมดึงนักท่องเที่ยวฟื้นภูเก็ตภายใน 2 ปี
ย้อนหลังไปเมื่อ 20 ปีที่แล้ว จังหวัดภูเก็ตมีสถานที่ท่องเที่ยวอย่าง “ภูเก็ต แฟนตาซี” ที่นำวัฒนธรรมความเป็นไทยมาผสมผสานกับเทคโนโลยี Magic Illusion จนเกิดเป็นโชว์ที่มีเอกลักษณ์ เช่นที่หลายคนคงนึกถึง ก็คือ โชว์ช้างลอยได้ หรือกระทั่งทำให้หายวับไปกับตา! ซึ่งส่งผลให้ภูเก็ตแฟนตาซีถูกบรรจุในลิสต์ห้ามพลาดของเหล่านักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
แต่หลังจากปิดเงียบมานานกว่า 2 ปี จากพิษโควิด มาในวันนี้ ภูเก็ตแฟนตาซีกลับมาอีกครั้ง และไม่ใช่แค่เหมือนเดิม เพราะที่เพิ่มเติมเข้ามา คือ สวนสนุกแห่งใหม่ “คาร์นิวัลเมจิก” บนพื้นที่ 100 ไร่ ตั้งใกล้กับภูเก็ตแฟนตาซีที่มาพร้อม 9 รางวัลการันตี “ที่สุดของโลก” จากกินเนสส์เวิลด์เรคคอร์ด (Guinness World Records)
- รถพาเหรดที่ยาวที่สุดในโลก
- การแสดงแสงสีเสียงที่ใช้ไฟ LED มากที่สุดในโลก
- รูปปั้นไฟ LED ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
- โครงสร้างไฟ LED ใหญ่ที่สุดในโลก
- ตู้ป๊อปคอร์น (Popcorn machine) ใหญ่ที่สุดในโลก
- โคมระย้า (Chandelier) ใหญ่ที่สุดในโลก
- รูปปั้นเปเปอร์มาเช่ (Paper-mache) ใหญ่ที่สุดในโลก
- กรอบเวที (Proscenium) สูงที่สุดในโลก
- รถตู้ที่ติดไฟLEDมากที่สุดในโลก
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ ชวนไปพูดคุยกับ “กิตติกร คิ้วคชา” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ภูเก็ตแฟนตาซี จำกัด (มหาชน) และบริษัท คาร์นิวัลเมจิก จำกัด และในฐานะ ครีเอเตอร์ ผู้สร้างสรรค์คาร์นิวัลเมจิก ที่ได้แรงบันดาลใจจากงานฟันแฟร์ งานรื่นเริง หรืองานวัดของไทย มาสร้างเป็นอาณาจักรเมืองไฟด้วยเทคโนโลยีทันสมัย บนพื้นที่ 100 ไร่ ด้วยงบลงทุน 6,600 ล้านบาท กับเป้าหมายของการเป็นดาวเด่นแหล่งท่องเที่ยวของเอเชีย
- 3 วิกฤติใหญ่ บนเส้นทาง 19 ปีกว่าจะมาเป็นคาร์นิวัลเมจิก
กิตติกร เล่าย้อนไปถึงจุดเริ่มต้นแนวคิดที่จะสร้างคาร์นิวัล ว่า เดิมทีมีแนวจะเปิดตั้งแต่ปี 2002 หรือเมื่อ 20 ปีที่แล้ว แต่ด้วยเจอวิกฤติถึง 3 ครั้ง ทำให้โครงการดังกล่าว ไม่สำเร็จ
“ครั้งแรกคือ เจอสึนามิตอนปี 2004 ครั้งที่สองก็จะมีเหตุการณ์ของเศรษฐกิจโลกทำให้เราสร้างต่อไม่ได้ และครั้งที่สาม คือ โควิด-19 ก็ไม่คิดว่าโควิดจะเกิด เพราะเรากำลังจะเปิดแล้ว (วางแผนจะเปิดช่วงต้นปี 2020) การ์ดเชิญจะแจกตอนเดือนมีนาคมแต่โควิดมาเดือนกุมภาพันธ์ วิกฤติ 3 ครั้งที่ทำให้เราหยุด และรอกว่า 19 ปีจนจะมาถึงวันนี้ได้”
เนื่องจากใช้ระยะเวลานาน และยังต้องมาเจอวิกฤติซ้ำซ้อนทำให้งบประมาณครั้งล่าสุดพุ่งไปถึง 6,600 ล้านบาท จากเดิมทีตั้งเป้างบดำเนินการไว้ที่ 1,500 ล้านบาทเมื่อปี 2002 ต่อมาในปี 2020 ก็แถลงเพิ่มงบประมาณมาเป็น 5,500 ล้านบาท กิตติกรเล่าว่า ในตอนแรกตั้งใจว่าจะให้คาร์นิวัลเป็นส่วนหนึ่งของภูเก็ตแฟนตาซี ที่สามารถซื้อบัตรแล้วเข้าชมได้เลย อยู่ในพื้นที่ 50 ไร่ แต่ต่อมามีความตั้งใจว่าเมื่อสร้างแล้วก็ควรทำให้ยิ่งใหญ่ จึงมีส่วนของค่าปรับปรุงซ่อมแซม รวมถึงดอกเบี้ยจึงทำให้งบเพิ่มขึ้นมา
"ลงทุน 6,600 ล้าน บางทีก็ดูเหมือนเยอะ แต่ในการท่องเที่ยวคือ ลงทุนได้เยอะ โปรดักต์ของมันก็จะดี โปรดักต์ที่เหนือใคร นั่นคือโปรดักต์ที่กลายเป็นเบอร์หนึ่ง เวลาคนเที่ยวจะไม่เคยบอกว่าเขาไปเที่ยวเบอร์สองก่อน จะต้องไปตัวที่ท็อปก่อน คาร์นิวัลเป็นโปรดักต์ที่ว่า ถ้าเกิดผมได้ที่หนึ่ง ท็อปหนึ่ง มันจะเป็นจุดเป้าหมายของทุกคนที่เดินทาง เพราะฉะนั้นการที่เราลงทุนเยอะ มันไม่ใช่ไม่ใช่ปัญหาบางทีมันเป็นข้อดีข้อหนึ่งที่ทำให้เราอยู่ในระดับที่เรียกว่ากลายเป็นจุดมุ่งหมายของนักท่องเที่ยว ซึ่งเราเชื่อว่า คาร์นิวัลเมจิก จะเป็นจุดมุ่งหมายของนักท่องเที่ยว ต้องการมาเที่ยวที่นี่แล้วก็เดินทางมาภูเก็ต"
- พฤติกรรมนักท่องเที่ยวเปลี่ยนไป ธุรกิจต้องปรับตัวให้เร็ว
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาโควิดมาพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวก็เปลี่ยนไป จึงทำให้สถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งมีความกังวลว่าอาจจะไม่ได้รับกระแสตอบรับที่ดีเท่าที่ควร แต่ผู้บริหารภูเก็ตแฟนตาซีมองว่า แม้โควิดจะทำให้พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวเปลี่ยนไปจริง แต่สิ่งที่ทำได้คือ การปรับตัวเข้าหาสถานการณ์ให้เร็วที่สุด
“การเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่สิ่งใหม่ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นทุกปีทุกช่วงอยู่แล้วของการท่องเที่ยวเพราะว่าไม่เคยหยุดนิ่งในการเปลี่ยนแปลง เรื่องหนึ่งที่สำคัญคือว่า คนเราต้องหาความสุขเข้าหาตัวเอง การท่องเที่ยวจึงเกิด ไม่ว่าจะเป็นเทรนด์ยังไงก็แต่สุดท้ายก็ยังมีการท่องเที่ยว พฤติกรรมเปลี่ยนไปยังไงต้องมาเที่ยว” กิตติกรกล่าว
- โควิดวิกฤติสุด คาดการณ์ 1-2 ปี นักท่องเที่ยวฟื้นตัว
กิตติกรยอมรับว่า สถานการณ์โควิดนับเป็นช่วงเวลาหนักหนาที่สุดครั้งหนึ่งของผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยว เพราะได้รับผลกระทบโดยตรง สิ่งที่ทำได้คือไม่ยอมแพ้ เขาเชื่อว่าการท่องเที่ยวของภูเก็ตจะกลับมา 1-2 ปี การเรียกความเชื่อมั่นกับภูเก็ตไม่ยากเท่าเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ที่สร้างนักท่องเที่ยวจาก 2 ล้านคน ขึ้นมาถึง 15 ล้านคน
“สิ่งหนึ่งที่โควิดสอน ก็คือว่าไม่มีความแน่นอน ตอนนี้คนที่ผ่านไปได้ก็คือ การปรับตัวต้องเร็วมากๆ สถานการณ์มาเป็นยังไงต้องรีบปรับให้ได้ หลายๆ อย่างที่เคยยึดติดที่เคยคิดว่าต้องถูกต้อง ต้องเปลี่ยนทันที อันนี้คือสิ่งที่เป็นบทเรียนอย่างแรง แล้วก็ตอนนี้ไม่ว่าผมจะวางแผนอะไรก็แล้วแต่ ผมรู้เลยว่าสุดท้ายมันจะไม่ตรงตามแผนที่เราวาง เราจะเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา รู้จักเลี้ยวกลับ รู้จักวน เพราะถนนไม่มีตรง”
ทั้งนี้ ปัจจุบันสถานการณ์การท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตมีแนวโน้มฟื้นตัวและเติบโตมากยิ่งขึ้น จากนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ซึ่งข้อมูลของการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภูเก็ต (ทกจ.ภก.) เผยว่าหลังจากภาครัฐได้ผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าราชอาณาจักร ยกเลิกระบบ Test & Go ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม ที่ผ่านมาคาดการณ์ว่าตลอดปี 2565 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้า จ.ภูเก็ต ประมาณ 5 ล้านคน คิดเป็นการฟื้นตัว 50% เมื่อเทียบกับปีปกติก่อนโควิด-19 ระบาด ในด้านของนักท่องเที่ยวชาวไทยก็ยังคงปักหมุดให้ภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยม โดยเฉพาะเมื่อยิ่งเข้าใกล้ ช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยวปลายปี จังหวัดภูเก็ตก็ยิ่งคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยว
จึงคาดหวังว่า การเปิดตัวของคาร์นิวัลเมจิก อย่างยิ่งใหญ่นี้ จะช่วยดึงดูดเม็ดเงินจากต่างประเทศ เพิ่มการจ้างงานคนในพื้นที่ กระตุ้นเศรษฐกิจหมุนเวียนในประเทศ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตและประเทศไทยให้กลับมาเติบโตอย่างสดใสได้อีกครั้ง
“คาร์นิวัลเมจิก ถือเป็นหนึ่งในโครงการท่องเที่ยวที่ลงทุนเยอะที่สุดในเมืองไทย แล้วก็ในแถบเอเชียตอนนี้ยังไม่มีโปรดักต์ใหม่ เพราะฉะนั้นยังไงเราจะเป็นดาวเด่นแน่นอน เชื่อว่าได้โอกาสดึงท่องเที่ยวกลับมาได้เร็วมาก คือเดิมอาจจะกลับมาภายในสองปี ตอนนี้ก็มีโอกาสดึงได้เร็วกว่านี้อีก แล้วก็จำนวนมากขึ้น คนที่ไม่เคยเที่ยวตอนนี้ก็กลับมาหันมาสนใจว่ามีที่เที่ยวใหม่ คนอินเดีย คนจีนที่ไม่เคยเที่ยวภูเก็ต พอเห็นที่เที่ยวใหม่ ก็อาจจะกลับมามากขึ้น เพราะฉะนั้นตลาดใหม่ก็ได้ ตลาดเก่าก็กลับมาสนใจ”
- 3 จุดแข็ง สู่เป้าหมาย “ดาวเด่นแห่งเอเชีย”
กิตติกรมองว่า 3 จุดแข็งที่จะทำให้คาร์นิวัลเมจิกเป็นดาวเด่นของเอเชียได้ คือ ความเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร คุณภาพของการให้บริการ และความคิดสร้างสรรค์
“สามประเด็นที่สำคัญที่สุดที่เรายึดถือ หนึ่งคือ ความยูนีค (unique) ความไม่เหมือนใคร ซึ่งก็คือความเป็นไทยของเรา จุดแข็งที่คนไทยเรามี ผมเอาส่งเสริมแล้วก็ทำให้มันเด่นขึ้น ทำให้มันยิ่งใหญ่ขึ้น นี่เป็นจุดแข็งที่อื่นแย่งเราไม่ได้เลย
สองก็คือ คุณภาพ ทั้งหมดที่อยู่ในโครงการ ทุกด้านจะเน้นคุณภาพ เพราะฉะนั้นก็คือพยายามผลักดันทุกอย่างให้ขึ้นถึงมาตรฐานโลก
และสามก็คือเรื่อง จินตนาการ (imagination) ความคิดสร้างสรรค์เป็นสิ่งที่คนชอบมองข้าม แต่จริงๆ อันนี้สำคัญมากๆ คือทุกอย่างเริ่มต้นที่ไอเดีย ไอเดียต้องต้องไปถึง แล้วหลังจากนั้นเราจะพยายามสร้างให้ได้ ไอเดียต้องได้ เพราะฉะนั้นตรงนี้เราเอา imagination ความสร้างสรรค์ตรงนี้เป็นหนึ่งในนโยบายของบริษัทหรือว่าต้องพยายามกระตุ้นตรงนี้ให้ได้ มันถึงมีไอเดียหลุดโลก เมื่อมีไอเดียดีๆ แล้วมันจะไปชนะกับโลกได้ ก็เป็นสิ่งที่ไม่เหมือนใคร อันนี้มีค่ามาก” กิตติกร กล่าว
- สถานที่ท่องเที่ยวที่ซัพพอร์ตทุกความต้องการของทุกวัย
แม้จินตนาการจะสำคัญ แต่การจะทำให้ “ถูกใจ” นักท่องเที่ยวได้ “ความเข้าใจ” ในพฤติกรรมและความต้องการก็สำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน โดยกิตติกรเล่าว่า ก่อนที่จะเปิดตัวคาร์นิวัลเมจิก ได้ทำการสำรวจความสนใจ รวมถึงความต้องการของนักท่องเที่ยวทุกชนชาติที่เดินทางมาเที่ยวทุกวัน ว่าช่วงวัยใดชอบอะไร รวมถึงการรับเอาข้อบกพร่องจากภูเก็ตแฟนตาซีมาปรับปรุงให้คาร์นิวัลเมจิกตอบโจทย์นักท่องเที่ยวทุกเพศทุกวัยให้ได้มากที่สุด
“เรามีการเซอร์เวย์ทุกชนชาติที่มาเที่ยวที่แฟนตาซีก่อน เพราะมีฐานลูกค้าแบบนี้จากการที่เขาเข้ามาเที่ยวทุกวัน ผมก็จำได้แม่นๆ เช่น วัยรุ่นถ่ายรูปภาพ แล้วก็ถ้าเป็นเด็กก็คือ สิ่งที่สนุกสนานต่างๆ เครื่องเล่นเราก็มีให้ รุ่นอัพขึ้นหน่อยก็ช้อปปิ้ง เรามีเพราะนี่คือการที่ตอบสนองความต้องการลูกค้า
ลูกค้าที่มาเที่ยวภูเก็ตหนึ่งในนั้นคือเขาต้องการซื้อจิวเวลรี ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่แปลกใหม่ รุ่นอาวุโสเราก็เทคแคร์ เราก็รู้ว่าเขาจะชอบในการเดินเที่ยวหรือว่านั่งรถเที่ยวชม เรามีรถรถกอล์ฟให้เช่า สุดท้ายยังเทคแคร์ผู้ที่มีความต้องการพิเศษก็คือ เช่น เราจะมีซับไตเติ้ลให้ อันนี้เราจะเทคแคร์เกือบทุกด้านเลย มีลิฟท์ให้คนพิการมีห้องน้ำครบถ้วน คือเราได้ประสบการณ์จากแฟนตาซีมาเลยตอนนี้แก้ให้หมดให้คนที่มีความต้องการพิเศษเที่ยวได้ด้วย”
- ตื่นตาไปกับ 4 โซนภายใน “คาร์นิวัลเมจิก”
คาร์นิวัลเมจิก มีกำหนดการเปิดให้บริการในวันที่ 20 กันยายนนี้ โดยภายในพื้นที่ 100 ไร่ถูกประดับไปด้วยไฟ LED กว่า 40 ล้านดวง ตระการตา สำหรับไฮไลต์ของ “คาร์นิวัล เมจิก” ประกอบไปด้วย
โซนที่ 1 คือ ถนนช้อปปิ้ง คาร์นิวัลฟันแฟร์ (Carnival Fun Fair) ช้อปปิ้งสินค้าต่าง ๆ ในร้านค้าที่ถูกออกแบบและตกแต่งอย่างงดงามน่าสนใจด้วยสีสันสดใสสไตล์คาร์นิวัลไม่เหมือนใคร
นักท่องเที่ยวยังสามารถสนุกสนานกับกิจกรรมและการแสดงตลอดทั้งคืน อาทิ การแสดงขบวนคาร์นิวัล ศูนย์เครื่องเล่น VR ลิ้มรสอาหารทานเล่นและของหวานอย่างจุใจ ถ่ายภาพกับมาสค็อต เกมการละเล่น และเครื่องเล่นแสนสนุกอีกมากมาย เช่น ชิงช้าสวรรค์ ม้าหมุน หรือ การขับรถแข่ง เป็นต้น
โซนที่ 2 ภัตตาคารบุฟเฟต์ เบิร์ดออฟพาราไดซ์ (Bird of Paradise) ภัตตาคารบุฟเฟต์ที่สามารถรองรับลูกค้าได้มากกว่า 3,000 ที่นั่ง มีบรรยากาศในการรับประทานอาหารเสมือนอยู่ในสวนแห่งสวรรค์ รายล้อมไปด้วยรูปปั้นนกยูงยักษ์ มีห้องโถงรับประทานอาหารสวยงามโอ่อ่า เสิร์ฟอาหารทั้งเมนูตะวันตกและตะวันออก อาหารอินเดีย อาหารมังสวิรัติ และอาหารฮาลาล พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก
นอกจากนี้ ในอนาคตคาร์นิวัลเมจิก ยังมีภัตตาคารหรูอีกแห่งที่ มีชื่อว่า ริเวอร์ออฟบลิส (River of Bliss Luxury Restaurant) เป็นภัตตาคารหรู ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเทศกาลงานลอยกระทง ภายในให้บริการอาหารแบบเซตเมนูที่ลูกค้าเลือกเองได้ ในบรรยากาศที่ตกแต่งด้วยกระทงที่สวยงาม โดยไฮไลต์ของภัตตาคารแห่งนี้ คือ ลูกค้าจะต้องเดินมาตรงกลางของ “น้ำตกแห่งความสุข” (Happiness Falls) เพื่อขึ้น “เรือแห่งความสุขสำราญ” (Barge of Happiness) ซึ่งเรือจะลอยขึ้นเหนือจากพื้นประมาณ 7 เมตร เพื่อเข้าสู่บริเวณภายในภัตตาคาร
โซนที่ 3 คือ โรงละครริเวอร์พาเลส (River Palace) เป็นโรงละครขนาดใหญ่ มีพื้นที่กว่า 16,000 ตารางเมตร หรือประมาณ 10 ไร่ เป็นหนึ่งในโรงละครที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเป็นหนึ่งในโรงละครที่ใหญ่ที่สุดในโลก รองรับผู้ชมได้มากกว่า 2,200 ที่นั่ง และภายในมีเวทีการแสดงกว้าง 22 เมตร และยาว 70 เมตร พร้อมการแสดงในรูปแบบขบวนพาเหรดอินดอร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ในชื่อ ริเวอร์คาร์นิวัล (River Carnival)
ริเวอร์คาร์นิวัล (River Carnival) เป็นการแสดงพาเหรดที่ผสมผสานศิลปะไทยและเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้าด้วยกัน มีความยาวประมาณ 50 นาที ในการแสดงจะมีรถขบวนแห่พาเหรดขนาดใหญ่มากกว่า 88 ลำ ประดับประดาไปด้วยแสงไฟหลายล้านดวงที่สวยงามตระการตา และมีเทคโนโลยีเอฟเฟกต์ต่าง ๆ ที่ทันสมัยตื่นตาตื่นใจ และไฮไลต์ของการแสดง ริเวอร์คาร์นิวัล (River Carnival) คือ มีรถพาเหรดที่ยาวที่สุดในโลก มีความยาวถึง 70 เมตร หรือยาวเกือบเท่ากับเครื่องบินจัมโบ้ A380
โซนที่ 4 คือ เมืองไฟ คิงดอมออฟไลต์ส (Kingdom of Lights) เป็นเมืองที่มีไฟประดับประดาสวยงามมากกว่า 40 ล้านดวง ซึ่งในพื้นที่กว่า 9 โซน ทุกท่านจะได้เดินเที่ยวชมและสัมผัสกับแสงไฟ ที่สวยงามเหนือจินตนาการ สนุกสนาน ตื่นตาตื่นใจตลอดเวลา ไฮไลต์ของเมืองไฟคือโซนริเวอร์ออฟไลต์ส (River of Lights) ที่มีการนำดวงไฟหลายล้านดวงมาประดับบนโครงเหล็กดัดลวดลายสวยงาม (Luminaries) ที่มีความยาวรวมถึง 50 กิโลเมตร เป็นรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์ของไทยล้อมรอบทะเลสาบ โดยลูกค้าสามารถเดินผ่านสะพานเข้ามา ในโซนนี้เพื่อชมความอลังการของดวงไฟหลายสิบล้านดวงแบบพาโนรามารอบทิศทาง
- แนวโน้มการท่องเที่ยวของภูเก็ต
เกี่ยวกับความคาดหวังต่อการฟื้นตัวและก้าวต่อไปของการท่องเที่ยวภูเก็ตนั้น ในฐานะผู้ประกอบการ กิตติกรมองว่า สิ่งต้องให้ความสำคัญมากขึ้น คือ เรื่องความปลอดภัยซึ่งหากแก้ปัญหาตรงนี้ไม่ได้ อาจมีปัญหาอีกครั้ง
“ภูเก็ตมีข้อดีต่างๆ ให้คนมาเรียกว่าหลงใหลมาเที่ยวเยอะมาก แต่ว่ามันก็มีสิ่งที่ทำให้บางทีเขาก็ไม่พอใจหรือไม่ประทับใจ เช่น เรื่องความปลอดภัยก็เป็นบทเรียนของภูเก็ตหลายรอบ เพราะว่าเป็นเรื่องเดียวเลยที่ทำลายเราได้ ต้องฝากทั้งทางผู้ประกอบการกับทางภาครัฐ ส่วนเราจะควบคุมและช่วยเหลือในส่วนที่เราทำได้” เขากล่าวทิ้งท้า