เทรนด์ "ปล่อยชีวิตเน่าตาย" โจทย์ที่ "สี จิ้นผิง" ต้องเร่งแก้
คนรุ่นใหม่ในจีนกำลังเผชิญแรงกดดันอันหนักอึ้ง นำไปสู่เทรนด์ ‘ป่ายล่าน‘ ที่แปลว่า ‘ปล่อยให้ชีวิตเน่าไป’ อีกทั้งอัตราการว่างงานคนรุ่นใหม่สูงแตะ 18.7% นักเศรษฐศาสตร์จีนมองว่าหากปล่อยให้เทรนด์นี้แพร่หลายมากขึ้น จะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจจีน
ปิดฉากการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 20 ไปแบบยิ่งใหญ่เหนือการคาดหมายในฉบับ “สี จิ้นผิง” พร้อมกับปมดราม่าบันลือโลกที่ผู้คนหยิบไปเมาท์กันอย่างสนุกโดยที่ไม่มีใครรู้ว่า ฉากการเชิญตัว “หู จิ่นเทา” อดีตประธานาธิบดีจีน ซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ สี จิ้นผิง ออกจากที่ประชุมกระทันหัน ในระหว่างพิธีปิดการประชุม แบบที่เจ้าตัวเองก็ดูไม่เต็มใจนัก เป็นฉากที่ถูกจัดวางไว้อยู่แล้วหรือไม่
...แต่ที่ชัดแจ้ง คือ คีย์แมนทั้ง 7 คนในโปลิตบูโรที่ถูกประกาศชื่อออกมา ล้วนเป็นคนของ “สี จิ้นผิง” ทั้งสิ้น สะท้อนให้เห็นว่า ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้กระชับอำนาจไว้ในมือหมดแล้ว นับจากนี้ไปการเดินเกมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจีนจึงน่าจับตายิ่ง
ถ้าเคาะดูนโยบายเศรษฐกิจที่ สี จิ้นผิง ได้เสนอรายงานต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ในวันเปิดการประชุมเมื่อวันที่ 16 ต.ค. ที่ผ่านมา นโยบายส่วนใหญ่ยังเน้นไปที่การสานต่อนโยบายเดิมที่วางเอาไว้ โดยเฉพาะการยกระดับความเป็นอยู่ของผู้คนโดย สี จิ้นผิง ย้ำในที่ประชุมว่า
“ประเทศนี้คือประชาชน ประชาชนคือประเทศ เราต้องดูแลยกระดับความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน ในเส้นทางการพัฒนา และสนับสนุนให้ทุกคนทำงานอย่างหนักร่วมกัน เพื่อตอบสนองความปรารถนาของประชาชนที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้น”
ถ้อยแถลงนี้สะท้อนว่า สี จิ้นผิง น่าจะเข้าใจสถานการณ์เศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของคนกลุ่มกลาง-ล่าง ในจีนเป็นอย่างดี ซึ่งปฎิเสธไม่ได้ว่าตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจจีนเติบโตเร็วมาก จีนกลายเป็นประเทศที่มีกลุ่มคนชั้นกลางเพิ่มขึ้นจำนวนมาก แต่การเพิ่มขึ้นของคนในกลุ่มนี้ ก็ตามมาด้วยการแข่งขันที่สูงขึ้น ซึ่งมาพร้อมแรงกดดันอันมหาศาลด้วย แน่นอนว่าย่อมมีคนจำนวนไม่น้อยที่อยากวิ่งหนีแรงกดดันเหล่านี้
...ถ้ายังจำกันได้ ในปีที่ผ่านมา เกิดเทรนด์หนึ่งขึ้นในจีน เป็นเทรนด์ที่แพร่หลายมากในกลุ่มมิลเลนเนียล คือ “Lying flat” หรือ “ถังผิง” ซึ่งเป็นการนอนราบเพื่อประท้วงค่านิยมในสังคมจีนที่มีการแข่งขันสูงเกินไป โดยเทรนด์ Lying flat คือ ภาวะที่คนรู้สึกขาดความกระตือรือร้น ไม่ทะเยอทะยาน ไม่ต้องการประสบความสำเร็จ แค่เอาตัวรอดไปวันๆ เทรนด์นี้เกิดขึ้นกับกลุ่มคนชั้นกลาง
และดูเหมือนว่าสถานการณ์นี้กำลังเลวร้ายลงไปเรื่อยๆ เพราะล่าสุด เกิดเทรนด์ใหม่ที่หนักกว่าเดิม ชื่อว่า ‘ป่ายล่าน‘ (Bailan) ซึ่งมาจากคำภาษาจีนกลางที่แปลว่า ‘ปล่อยให้เน่าไป’ โดยเทรนด์นี้เกิดขึ้นในกลุ่มคนเจน Z และ มิลเลนเนียล ที่ต้องการหลบหนีจากความคาดหวังเรื่องชีวิตที่มองว่า พยายามแค่ไหนก็ไร้ความหมายและไม่มีทางที่จะประสบความสำเร็จ
ปัจจุบันกลุ่มคนรุ่นใหม่ในจีนกำลังเผชิญแรงกดดันอันหนักอึ้ง ซึ่งเข้ามาบั่นทอนจิตใจหลายเรื่อง รวมถึงอัตราการว่างงานในกลุ่มเยาวชนที่สูงแตะ 18.7% ซึ่งเป็นตัวเลขของเดือนส.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ราคาบ้านในจีนที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนสูงกว่า 14 เท่าของเงินเดือนเฉลี่ย
และคนกลุ่มนี้ยังมองว่าอนาคตเขาต้องดูแลพ่อแม่วัยชรา แถมยังต้องเลี้ยงลูกของตัวเองด้วย นักเศรษฐศาสตร์ชาวจีนมองว่า เทรนด์ ‘ป่ายล่าน’ หากปล่อยให้แพร่หลายมากขึ้นจะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจจีน และอาจมีผลต่อจำนวนประชากรเกิดใหม่ในจีนด้วย
...แม้ว่า สี จิ้นผิง จะรวบอำนาจได้อย่างเบ็ดเสร็จในสมัยที่ 3 ของตำแหน่งประธานาธิบดีจีน แต่โจทย์ทางเศรษฐกิจดูแล้วอาจหินยิ่งกว่าประเด็นการเมือง