‘อยู่วิทยา’ ปีเดียวรวยขึ้น 2.7 แสนล้านบาท กับความท้าทาย จะส่งไม้ต่อรุ่นสามให้ใคร?

‘อยู่วิทยา’ ปีเดียวรวยขึ้น 2.7 แสนล้านบาท กับความท้าทาย จะส่งไม้ต่อรุ่นสามให้ใคร?

แม้ว่าตระกูลอยู่วิทยาจะร่ำรวยเพิ่มขึ้น 2.7 แสนล้านบาทภายในระยะเวลาเพียงปีเศษ จากยอดขายเรดบูลที่สูงถึง 1.1 หมื่นล้านกระป๋อง แต่ครอบครัวนี้กลับกำลังเผชิญความท้าทายในการส่งไม้การบริหารต่อให้ทายาทรุ่นต่อไปโดยนอกจากปัญหาคดี “บอส อยู่วิทยา” และยังมีอะไรอื่นอีกบ้าง

Key Points

  • ดัชนีมหาเศรษฐีพันล้านของ Bloomberg รายงานทรัพย์สิน “ตระกูลอยู่วิทยา”  ล่าสุดมั่งคั่งรวมกว่า 27,000 ล้านดอลลาร์ โดยเพิ่มขึ้นราว 7,800 ล้านดอลลาร์ หรือ 2.7 แสนล้านบาท
  • ความมั่งคั่งที่เพิ่มสูงขึ้นของตระกูลอยู่วิทยา มาจากยอดขาย Redbull ที่ได้มากขึ้น หลังจากโลกได้ผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 ร้านผับบาร์ ภัตตาคาร การท่องเที่ยวกลับมาดำเนินการเป็นปกติอีกครั้ง
  • แต่คำถามขณะนี้ที่หลายคนจับตา คือ ใครจะรับช่วงต่อในการบริหารบริษัทกระทิงแดงหรือ “TCP” ซึ่งมีฐานที่มั่นในประเทศไทย ต่อจาก “สราวุฒิ อยู่วิทยา” ทายาทรุ่นสอง วัย 53 ปี

 

หลังจากโลกผ่านพ้นวิกฤติโควิด-19 และผู้คนกลับเข้าสู่ชีวิตปกติ หนึ่งในธุรกิจที่ได้รับอานิสงส์เติบโตอย่างก้าวกระโดดก็คือ “เรดบูล” (Red Bull) ของตระกูล “อยู่วิทยา”

สำนักข่าว Bloomberg รายงาน “ความมั่งคั่ง” ล่าสุด ณ 14 มี.ค.66 มหาเศรษฐีจากไทยตระกูลนี้ มีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้น 7,800 ล้านดอลลาร์หรือราว 2.7 แสนล้านบาท นับเป็นความมั่งคั่งที่ “เพิ่มขึ้นมากที่สุด” เมื่อเทียบกับตระกูลเศรษฐีเอเชียรายอื่น ๆ

 

‘อยู่วิทยา’ ปีเดียวรวยขึ้น 2.7 แสนล้านบาท กับความท้าทาย จะส่งไม้ต่อรุ่นสามให้ใคร?

- เครื่องดื่มเรดบูล (Red Bull) (เครดิต: บริษัท Red Bull GmbH) -

 

เหตุผลหลักของความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นมาจากยอดขายเครื่องดื่มเรดบูลที่สดใส หลังจากโลกได้กลับมาจัดกิจกรรม ทั้งเทศกาลดนตรี การแข่งขันกีฬาเอ็กซ์ตรีม รวมถึงการที่ผับบาร์กลับมาเปิดได้อีกครั้ง ช่วยดันยอดขาย Redbull ได้มากถึง 1.1 หมื่นล้านกระป๋อง และครองส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่มชูกำลังสูงที่สุดในโลก รวมถึงส่งผลให้บริษัท Red Bull GmbH ทำรายได้สูงเป็นประวัติการณ์ในปีที่แล้ว

สำหรับ "เรดบูล (Red Bull)​" และ “กระทิงแดง” ที่คุ้นหูกันในหมู่คนไทย แม้จะมีผู้ร่วมก่อตั้งคนกัน คือ “เฉลียว อยู่วิทยา” แต่ทั้งสองแบรนด์ไม่มีความเกี่ยวข้องกันในทางธุรกิจ

 

‘อยู่วิทยา’ ปีเดียวรวยขึ้น 2.7 แสนล้านบาท กับความท้าทาย จะส่งไม้ต่อรุ่นสามให้ใคร?

- เฉลียว อยู่วิทยา -

 

โดยในขณะที่กระทิงแดงบริหารงานในนามบริษัท TCP Group ที่ตระกูลอยู่วิทยาเป็นเจ้าของ ข้ามฝั่งไปยุโรป "เรดบูล (Red Bull)​" ที่โด่งดังทั่วโลก ดำเนินธุรกิจโดยบริษัท Red Bull GmbH มีฐานผลิตที่ประเทศออสเตรีย ซึ่งแม้จะมีตระกูลอยู่วิทยาเป็นผู้ถือหุ้นหลักที่ 51% (เฉลียวถือหุ้น 49% และเฉลิม อยู่วิทยา ลูกชายเฉลียวถือหุ้น 2%) แต่ผู้ที่บริหารงาน คือ ฝั่งพาร์ทเนอร์ชาวออสเตรีย ที่ถือหุ้นอยู่ 49% 

โดย “เรดบูล” เน้นทำตลาดโซนยุโรป​  ส่วน “กระทิงแดง” ก็เน้นทำตลาดโซนไทย และอาเซียน

สำหรับที่มา “ความมั่งคั่ง” ของ “ตระกูลอยู่วิทยา” ตามที่ Bloomberg รายงานนั้น หลักๆ คือ มาจากการถือหุ้นในเรดบูล ซึ่งมียอดขายพุ่งสูงในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ตระกูลอยู่วิทยามีความมั่งคั่งสวนทางกับตระกูลเศรษฐีเอเชียรายอื่น ๆ ที่ความมั่งคั่งลดลงจากพิษเศรษฐกิจ

ไซมอน ชาดวิค (Simon Chadwick) ศาสตราจารย์ด้านกีฬา และเศรษฐศาสตร์ทางภูมิรัฐศาสตร์ แห่งมหาวิทยาลัยธุรกิจ Skema ในกรุงปารีส ฝรั่งเศสกล่าวว่า เครื่องดื่มชูกำลังได้กลายเป็นตัวแทนของไลฟ์สไตล์แอกทีฟ

เมื่อผู้คนกลับมาทั้งออกกำลังกายอีกครั้ง รวมถึงกลับเข้าทำงานในสำนักงานเพื่อทำงานยาวนานหลายชั่วโมง เครื่องดื่มชูกำลังเหล่านี้จึงกลายเป็นสิ่งจำเป็น

นอกจากนี้ เคนเนท์ เชีย (Kenneth Shea) นักวิเคราะห์แห่ง Bloomberg Intelligence มองว่า เรดบูลได้รับประโยชน์หลังการระบาดโควิด-19 จากการกลับมาเปิดขายเครื่องดื่มให้ร้านบาร์ และภัตตาคารได้แล้ว

 

  • ความเป็นมาของกระทิงแดง และเรดบูล

เฉลียว อยู่วิทยา ต้นตระกูลครอบครัว เริ่มต้นขายเครื่องดื่มคาเฟอีนในช่วงกลางทศวรรษ 1970s โดยเริ่มจากการขายยาในไทย และตัดสินใจขยายไปสู่สินค้าเครื่องดื่มชูกำลัง และตั้งชื่อว่า “กระทิงแดง” ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ “Red Bull” ที่แปลจากภาษาไทย

‘อยู่วิทยา’ ปีเดียวรวยขึ้น 2.7 แสนล้านบาท กับความท้าทาย จะส่งไม้ต่อรุ่นสามให้ใคร?

- เครื่องดื่มกระทิงแดง (เครดิต: บริษัท TCP) -

 

ระหว่างการเดินทางไปเอเชีย นักการตลาดชาวออสเตรีย ดีทริช เมเทสซิทซ์ (Dietrich Mateschitz) ได้มาเจอเครื่องดื่มที่ช่วยเขาบรรเทาอาการเจ็ตแล็กได้ เฉลียว กับ เมเทสซิทซ์ จึงร่วมมือกันก่อตั้งบริษัทเรดบูลขึ้นในปี 2527 และบริหารจนกลายเป็นแบรนด์ระดับโลก ที่ภายหลังขยายไปสู่การเป็นเจ้าของทีมฟุตบอล และทีมรถแข่ง พร้อมกับเป็นผู้สนับสนุนกีฬาผาดโผนอย่างปีนเขา และกระโดดน้ำจากหน้าผา

ปัจจุบัน ตระกูลอยู่วิทยาถือหุ้น 51% ในเรดบูล “Red Bull” โดยเฉลิม อยู่วิทยา ซึ่งดูแลธุรกิจในต่างประเทศมาตั้งแต่ต้นรับช่วงต่อหลังจากเฉลียวเสียชีวิต ขณะที่อีก 49% เป็นของลูกชายเมเทสซิทซ์ ซึ่งกลายเป็นเศรษฐีเจนวายที่รวยที่สุดในยุโรปหลังจากที่บิดา ดีทริช เมเทสซิทซ์ เสียชีวิตเมื่อปีที่แล้ว

ขณะเดียวกัน ครอบครัวอยู่วิทยายังเป็นเจ้าของบริษัท “TCP กรุ๊ป” เจ้าของแบรนด์เครื่องดื่ม “กระทิงแดง” ยักษ์ใหญ่ผลิตเครื่องดื่มชูกำลังในตลาดไทย และอาเซียน โดยปัจจุบัน บริหารงานโดย “สราวุฒิ อยู่วิทยา” (ลูกชายของ เฉลียว กับภรรยาคนที่สอง)

 

  • อนาคต Red Bull และ กระทิงแดง หลังจากนี้

อย่างไรก็ตาม จากการที่ครอบครัวอยู่วิทยา ได้เกี่ยวข้องกับกรณีอื้อฉาวเมื่อปี 2555 เมื่อหลานชายเฉลียว ชื่อ “วรยุทธ อยู่วิทยา” หรือ “บอส อยู่วิทยา” เกิดเหตุขับรถเฟอร์รารีชนตำรวจเสียชีวิต และหลบหนี โดยวรยุทธ หลบหนีกระบวนการยุติธรรมด้วยการขึ้นเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว ออกนอกประเทศเมื่อปี 2560

หลังจากนั้น มีรายงานว่า มีหนังสือจาก พ.ต.ท. ธนาวุฒิ สงวนสุข รองผู้กำกับการสอบสวน ปฏิบัติราชการแทนผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ ลงวันที่ 18 มิ.ย.ปี 2563 แจ้งคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดี ตามคดีอาญา ระหว่างพ.ต.ท.วีรดล ทับทิมดี ผู้กล่าวหา นายวรายุทธ อยู่วิทยา ผู้ต้องหาที่ 1 และดาบตำรวจวิเชียร กลั่นประเสริฐ ผู้ต้องหาที่ 2 ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ส่งสำนวนให้พนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 1 เพื่อพิจารณาแล้วนั้น

บัดนี้อัยการสูงสุด ได้พิจารณาแล้วมีคำสั่งไม่ฟ้องคดีต่อนายวรยุทธ อยู่วิทยา ในทุกข้อกล่าวหาตามหนังสือที่อ้างถึง และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไม่แย้งคำสั่งของพนักงานอัยการ คดี้นี้จึงเป็นอันสิ้นสุดตามกระบวนการทางกฎหมาย และพนักงานสอบสวนได้ทำการขออนุมัติศาลเพิกถอนหมายจับในคดีนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว”

จากคดีดังกล่าว ได้สร้างแรงกระเพื่อมไปยังประชาชนไทยที่พากันคว่ำบาตรสินค้า “Red Bull” ทั้งนี้ เนื่องจาก บอส อยู่วิทยา เป็นลูกชายของ เฉลิม อยู่วิทยา ซึ่งดูแลธุรกิจฝั่ง Red Bull โดยตรง และเป็นทายาทคนละสายกับฝั่ง “กระทิงแดง” ที่ได้เคยออกหนังสือแสดงจุดยืน “ไม่เห็นด้วย” กับการตัดสินใจของบอสพร้อมกับเรียกร้องให้ออกมาแสดงความบริสุทธิ์ใจ 

แรงกดดันจากสังคม ให้นายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชา มีคำสั่งรื้อคดีบอส อยู่วิทยา  ใหม่อีกครั้ง ใน 2 ข้อหา คือ เสพโคเคน และ ขับรถโดยประมาท หลังพบพยานหลักฐานใหม่ ซึ่งข้อหาเสพโคเคนหมดอายุความแล้ว เหลือแต่ข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตที่จะหมดอายุความในปี 2570 และตอนนี้ ยังไม่มีใครรู้ว่านายวรยุทธหนีคดีไปกบดานอยู่ที่ไหน

ยุพนา วิวัฒนากันตัง (Yupana Wiwattanakantang) ศาสตราจารย์ด้านธุรกิจของมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ระบุว่า “พวกเรารู้ว่าคดีนี้ บอส อยู่วิทยาจะหนี ครอบครัวอยู่วิทยาก็ตั้งตารอคอย ให้คนไทยลืมเรื่องนี้”

ยุพนายังกล่าวเสริมอีกว่า คำถามขณะนี้คือ ใครจะรับช่วงต่อในการบริหารบริษัทกระทิงแดงหรือ TCP ซึ่งขณะนี้บริษัท TCP ถูกบริหารโดยสราวุฒิ อยู่วิทยา วัย 53 ปี ผู้เป็นบุตรชายของภรรยาคนที่สองของเฉลียว อยู่วิทยา โดยไม่แน่ว่าในอนาคต พวกเขาอาจส่งผ่านการบริหารบริษัทให้กับคนนอกก็เป็นได้

ทั้งนี้ เมื่อมองดูในฝั่งประเทศออสเตรีย “มาร์ค เมเทสซิทซ์” ลูกชายของ ดีทริช เมเทสซิทซ์ ผู้ร่วมก่อตั้ง Red Bull ก็ได้ลงจากตำแหน่งบริหารเรดบูลหลังจากที่บิดาเสียชีวิต โดยเขาเลือกที่จะแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารชุดใหม่เข้ามาบริหารแทน

แม้ธุรกิจจะยังไปได้ดี แต่ผู้บริหารเรดบูลรุ่นต่อไปจะต้องรับมือความท้าทายจากคู่แข่งที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ความกังวลในกฎหมายใหม่ยุโรปที่พยายามควบคุมบริษัทผูกขาด รวมไปถึงปัญหาคดีเครื่องหมายการค้าในจีน


อ้างอิง: bloomberg กรุงเทพธุรกิจ