ส่องธุรกิจใหม่ ‘ภัตตาคารสุนัข’ พรีเมียม เสิร์ฟอาหารชั้นเลิศ ชุดละ 2,600 บาท
เมื่อเทรนด์การมีสัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อนสูงขึ้นเรื่อย ๆ จึงสร้างโอกาสใหม่ทางธุรกิจให้กับ Dogue ภัตตาคารสุดหรูแห่งแรกในสหรัฐที่เหล่าคนเลี้ยงสุนัข สามารถนำน้องมาเอ็นจอยกับอาหารในภัตตาคารได้เหมือนเป็นคนรักในครอบครัว
Key Points
- เจ้าของร้าน Dogue มองว่า อาหารสัตว์ในปัจจุบันเป็นเชิงอุตสาหกรรม ขาดความสร้างสรรค์ และความพิถีพิถัน โดยอาหารที่เหมาะสมควรสอดคล้องกับธรรมชาติการกินของสัตว์นั้น
- อาหาร 1 ชุดในภัตตาคารมีตั้งแต่วาฟเฟิลหนังไก่ สเต๊กเนื้อดิบ ค็อกเทลน้ำส้ม คิดราคาเดียวอยู่ที่ 75 ดอลลาร์หรือราว 2,600 บาทต่อสุนัข 1 ตัว
- เนื้อวัวจากร้าน Dogue จะเลี้ยงด้วยหญ้าแทนธัญพืช (Grass Fed Beef) ซึ่งเนื้อวัวประเภทนี้มีไขมันน้อยกว่า และอุดมไปด้วยแคโรทีนจากหญ้า
ในปัจจุบัน ชีวิตคนรุ่นใหม่ที่ไม่ค่อยมีลูกและใช้ชีวิตคนเดียวมากขึ้น ได้ส่งผลให้กระแสนิยมเลี้ยงสัตว์เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ดังจะเห็นจากหลายคนเลี้ยงสัตว์เพื่อเป็นเพื่อนแก้เหงา หลายคนถึงขั้นเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ส่วนตัวเป็นรูปสุนัข รูปแมวต่าง ๆ และหลายครอบครัวเลือกเลี้ยงสัตว์แทนการมีลูก!
ความคุ้นเคยที่มากขึ้น ได้เปลี่ยน “สัตว์เลี้ยง” ให้กลายเป็น “สมาชิกในครอบครัว” แทน พร้อมการตั้งชื่อเล่น ใช้สรรพนามเหมือนคน อีกทั้งจัดฉลองวันเกิดให้สัตว์เลี้ยงด้วย
- เทรนด์เลี้ยงสัตว์เป็นเพื่อนกำลังสูงขึ้นเรื่อย ๆ (เครดิต: Shutterstock) -
สิ่งนี้เองทำให้เกิดโมเดลธุรกิจใหม่ขึ้นมา คือ ภัตตาคารสำหรับสัตว์เลี้ยง ซึ่งเจ้าของสามารถพาสัตว์เลี้ยงของตนเข้ามานั่งกินบนโต๊ะเสมือนคนในครอบครัว พร้อมอาหารสุดพรีเมียม อย่างภัตตาคาร “Dogue” ในนครซานฟรานซิสโก
- ร้าน Dogue เปิดให้เหล่าสุนัขมานั่งกิน (เครดิต: Laura Morton/Special to The Chronicle) -
- Dogue ภัตตาคารสุนัข เจาะกลุ่มพรีเมียม
ร้าน Dogue เป็นภัตตาคารอาหารสุดพรีเมียมสำหรับสุนัขแห่งแรกในสหรัฐ ตั้งอยู่ในนครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยจุดเริ่มต้นมาจากการเลี้ยงสุนัขพันธุ์ English Mastiff ที่ชื่อว่า “กริซลี” (Grizzly) ของเชฟ “เรมี แมซซาร์เวห์” (Rahmi Massarweh) และภรรยาของเขาที่ชื่อว่า อเลฮันดรา (Alejandra)
ก่อนหน้านี้ แมซซาร์เวห์เลี้ยงกริซลีด้วยอาหารสุนัขที่แห้งและกรอบทั้งบรรจุถุงและบรรจุกระป๋องแบบเดิม ๆ ทุกวัน จนกระทั่งเขาพบว่า กริซลีรู้สึกเบื่อหน่ายและไม่ต้องการกินอีก
ด้วยเหตุนี้ แมซซาร์เวห์จึงทำอาหารแบบใหม่ขึ้นมา โดยอาศัยประสบการณ์ความเป็นพ่อครัว รังสรรค์อาหารที่สด เป็นธรรมชาติ และตามฤดูกาล
แมซซาร์เวห์มองว่า อาหารสัตว์ในปัจจุบันเป็นเชิงอุตสาหกรรม ขาดความสร้างสรรค์ และความพิถีพิถัน โดยอาหารที่เหมาะสมควรสอดคล้องกับธรรมชาติการกินของสัตว์นั้น แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ สัตว์กินพืชอย่างกวางกับกระต่าย สัตว์กินทั้งพืชและสัตว์อย่างหมีกับหนู และสัตว์กินเนื้ออย่างสุนัข ดังนั้น มนุษย์จึงควรปรับอาหารสัตว์ให้ใกล้เคียงกับธรรมชาติของมันที่สุด
จากนั้น แมซซาร์เวห์จึงตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งเชฟที่เคร่งเครียด และผันตัวมาเปิดธุรกิจภัตตาคารสุนัขที่ชื่อว่า “Dogue” เมื่อวันที่ 25 ก.ย. 2565
- ราคาหลักพัน แลกกับเมนูคุณภาพ
ร้าน Dogue ของแมซซาร์เวห์เปิดให้เจ้าของนำสุนัขมานั่งกินอาหารภายในร้านได้ โดยอาหาร 1 ชุดมีราคาอยู่ที่ 75 ดอลลาร์หรือราว 2,600 บาทต่อสุนัข 1 ตัว
รายการอาหารมีตั้งแต่วาฟเฟิลหนังไก่ สเต๊กเนื้อดิบ ค็อกเทลน้ำส้ม ขนมปังอบ เนื้อกวางดิบ ซุปเห็ดพร้อมอกไก่สไลซ์ ฯลฯ
อีกทั้งยังมีรายการอาหารแช่เย็นในร้าน ดังนี้
- เนื้อกวางดิบ 8 ออนซ์ ราคา 9.67 ดอลลาร์
- เนื้อกวางดิบแช่เย็น (เครดิต: Dogue) -
- เนื้อวัวซึ่งเลี้ยงด้วยหญ้าแทนธัญพืช (Grass Fed Beef) 16 ออนซ์ ราคา 17 ดอลลาร์ ซึ่งเนื้อวัวทานหญ้าประเภทนี้มีไขมันน้อยกว่า และอุดมไปด้วยแคโรทีนจากหญ้า
- วัวที่ถูกเลี้ยงด้วยหญ้า และมีอิสระการเดิน (เครดิต: Shutterstock) -
- กระเพาะวัวซึ่งเลี้ยงด้วยหญ้า (Green Tripe) 8 ออนซ์ 3.50 ดอลลาร์
- เค้กดอกกุหลาบที่ทำจากหัวใจของสัตว์คล้ายกวางอย่าง แอนทิโลปพร้อมผสมบีตรูต และครีมแบบออร์แกนิก ราคา 16 ดอลลาร์
- เนื้อแกะซึ่งเลี้ยงจากหญ้า 16 ออนซ์ ราคา 17 ดอลลาร์ ฯลฯ
แมซซาร์เวห์เล่าว่า “นับตั้งแต่เปิดภัตตาคารมา เขาได้รับการสนับสนุนอย่างล้นหลามจากลูกค้าที่พาสุนัขมากินอาหารที่นี่”
แมซซาร์เวห์ เสริมต่อว่า อาหารที่ใช้ทำถูกคัดสรรมาแล้วอย่างดี เกรดระดับเดียวกับที่มนุษย์รับประทาน และบรรจงทำอย่างพิถีพิถัน เพื่อทำให้สุนัขอิ่มเอมกับรสชาติอาหาร
นอกจากนี้ ทางร้าน Dogue ยังจัดงานวันเกิดให้เหล่าสุนัขด้วย โดยเกลดี เอซปิโนซา (Gledy Espinoza) ลูกค้ารายหนึ่ง เอ่ยถึงสุนัขของเธอที่ชื่อ “เมสัน” (Mason) อายุ 11 ปีซึ่งกำลังเพลิดเพลินกับซุปเห็ดและเนื้ออกไก่ในถ้วยว่า “ฉันต้องการฉลองให้เขา (เมสัน) เพราะเขาเป็นคนพิเศษ และที่นี่เป็นสถานที่สมบูรณ์แบบสำหรับการฉลองอันวิเศษนี้”
อ้างอิง: doguesf, forbes, theguardian, businessinsider