การเมืองวุ่น เศรษฐกิจพัง
ต้องยอมรับว่า ประเทศไทยเอง พึ่งพาจีนอยู่เยอะ ทั้งการท่องเที่ยว ส่งออก ซึ่งถือเป็นเครื่องยนต์หลักในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทย
ประเทศไทยในชั่วโมงนี้ ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ยังต้องรอรัฐบาลใหม่ รอโหวตนายกฯ รอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รอการใช้งบประมาณเบิกจ่ายต่างๆ
ทุกภาคส่วนอดทนรอ ประชาชนรอ นักธุรกิจก็รอ แต่โลกไม่ได้หมุนรอเรา โลกเปลี่ยนไปทุกวัน กฎเกณฑ์ กติกาก็เปลี่ยน การเจรจาการค้าการลงทุน ระบบเศรษฐกิจอยู่ในห้วงของความผันผวน
ขณะที่เศรษฐกิจไทยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ก็ไม่ได้อยู่ในระดับที่ดีนัก ซึ่งเป็นเหมือนกันทั้งโลก เพราะมฤตยูโควิดที่เข้ามาชัตดาวน์เศรษฐกิจ เปลี่ยนวิถีการลงทุน เปลี่ยนกติกาโลกไปจนหมด
เป็นโจทย์ใหญ่และยากของรัฐบาลใหม่ ในการเข้ามารับไม้ต่อบริหารประเทศ เพราะสิ่งแรกที่ต้องทำ คือ แก้ปัญหาเศรษฐกิจ
‘ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ’ วิเคราะห์ไว้ในบทความชิ้นหนึ่งอย่างน่าสนใจว่า การพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยกำลังถูกท้าทาย เศรษฐกิจไทย พึ่งพาการส่งออกสินค้า และบริการคิดเป็นสัดส่วน 65.8% ของจีดีพีในปี 2022 เปรียบเทียบกับโลก ซึ่งการส่งออกคิดเป็นสัดส่วนเพียง 30.6% ของจีดีพีโลกในปีเดียวกัน แปลว่า หากไทยยังต้องการฟื้นตัวแบบที่เคยทำมา ก็จะต้องขับเคลื่อนโดยการส่งออกทั้งสินค้าและบริการ
แต่ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ไม่ดีมากนัก ตัวเลขการขยายตัวของจีดีพีก็ชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัดจริงๆ เช่นในช่วงก่อนการระบาดของโควิด-19 คือปี 2014-2019 นั้น จีดีพีโลกขยายตัวเฉลี่ยปีละ 3.1%
ในช่วงเดียวกันจีดีพีไทยขยายตัวเฉลี่ยปีละ 3.0% (ในช่วงปีก่อนหน้าคือปี 2000-2009 นั้น จีดีพีไทยขยายตัวเฉลี่ย 4.3% ต่อปี)
ขณะที่ ไอเอ็มเอฟประเมินว่า จีดีพีโลกจะขยายตัวเพียง 3% ต่อปีในปี 2023 และ 2024 (ลดลงจากการขยายตัว 3.5% ในปี 2022 ที่ผ่านมา)
คำถาม คือ ทำไมเศรษฐกิจไทยจะสามารถขยายตัวได้ดีกว่าเศรษฐกิจโลก เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทยคาดว่าจีดีพีไทยจะขยายตัว 3.6% ในปี 2023 และ 3.8% ในปี 2024
เหตุผลหนึ่งคือ การที่เศรษฐกิจไทยตกต่ำอย่างรุนแรงช่วงการระบาดของโควิด-19 ปี 2020 จีดีพีโลกติดลบ 3.1% แต่เศรษฐกิจไทยติดลบ 6.1% และปี 2021 ที่จีดีพีโลกฟื้นตัวและเพิ่มขึ้น 6.0% แต่จีดีพีไทยเพิ่มขึ้นเพียง 1.5%
แม้แต่ปี 2022 ที่จีดีพีโลกเพิ่มขึ้น 3.1% จีดีพีไทยก็ขยายตัวได้เพียง 2.6% กล่าวคือ ไทยอาจฟื้นตัวได้ดีกว่าเศรษฐกิจโลก เพราะเศรษฐกิจไทยตกต่ำลึกลงกว่าเศรษฐกิจโลกมาก เป็นเรื่องของ catch-up recovery แล้วจะฟื้นตัวให้ได้ดีกว่าเศรษฐกิจโลกอย่างไร
คำตอบ คือ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนและการท่องเที่ยวแต่ต้องยอมรับว่า เศรษฐกิจจีนเอง ก็ไม่ได้ฟื้นตัวรวดเร็วอย่างที่คาดกัน เป็นโจทย์ใหญ่ที่อาจารย์ศุภวุฒิ สรุปเอาไว้
ต้องยอมรับว่า ประเทศไทยเอง พึ่งพาจีนอยู่เยอะ ทั้งการท่องเที่ยว ส่งออก ซึ่งถือเป็นเครื่องยนต์หลักในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทย จึงเป็นโจทย์หินมากๆ ของรัฐบาลใหม่ ที่ต้องมีวิสัยทัศน์ และมีความเชี่ยวชาญในชั้นเชิงเศรษฐกิจเป็นพิเศษ มองความผันผวน หาโอกาสจากวิกฤติให้ได้ เป็นคุณสมบัติของรัฐบาลใหม่ต้องมี
ไม่เช่นนั้น เศรษฐกิจไทยจะพลิกฟื้นได้ลำบาก ว่าแต่.. เมื่อไหร่ประเทศไทยจะมีนายกฯ และได้รัฐบาลใหม่เสียที