รู้จัก ‘3 บริษัทไทยดาวรุ่ง’ ติดทำเนียบ Forbes Asia 100 To Watch
ส่องสามบริษัทไทย Abacus Digital, GoWabi และ HD ติดลิสต์ “Forbes Asia 100 To Watch 2023” ได้รับคัดเลือกจากนิตยสาร Forbes เป็น 100 บริษัทดาวรุ่งในเอเชีย จึงน่าสนใจว่า ทั้งสามบริษัทนี้มีความพิเศษอย่างไรจนเป็นที่น่าจับตามองจาก Forbes
“Forbes” นิตยสารการเงินการลงทุนชื่อดังของสหรัฐ ได้เปิดเผยลิสต์ธุรกิจ “Forbes Asia 100 To Watch” ประจำปี 2023 โดยคัดเลือกบริษัทขนาดเล็กและบริษัทสตาร์ทอัพดาวรุ่งในเอเชียที่น่าจับตาออกมาเป็น 100 บริษัท ที่มีความโดดเด่นด้านเทคโนโลยีแห่งอนาคต อย่างปัญญาประดิษฐ์ (AI) การตรวจมะเร็งจากเลือด นวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม วิศวกรรมทางชีววิทยา ฯลฯ โดยในบรรดา 100 บริษัทที่ Forbes คัดเลือก มีบริษัทไทยติดอันดับอยู่ 3 บริษัทด้วย ดังนี้
- 1. “Abacus Digital” ใช้ AI ปล่อยสินเชื่อ
บริษัท อบาคัส ดิจิทัล จำกัด (Abacus Digital) อยู่ในเครือของบริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCBX เจ้าของธนาคารไทยพาณิชย์ ถือหุ้นอยู่ 44.85% ทำธุรกิจด้าน “พัฒนา AI” ในการช่วยปล่อยสินเชื่อออนไลน์แก่ลูกค้า ผ่านแอปพลิเคชันบริษัทที่ชื่อว่า “เงินทันเด้อ”
นี่คือความแตกต่างจากธนาคารแบบเดิมที่ใช้มนุษย์ปล่อยสินเชื่อ จึงทำให้ Abacus Digital สามารถปล่อยสินเชื่อให้กลุ่มลูกค้าที่ไม่ผ่านการอนุมัติจากธนาคารอื่นแทนได้มากขึ้น ด้วยการใช้ AI พิจารณาสินเชื่อผ่าน 2,000 ตัวแปร โดยใช้เวลาเพียง 10-15 นาที
การใช้ AI ช่วยคัดกรองผู้ขอสินเชื่อ มีส่วนช่วยให้บริษัทเข้าถึงกลุ่มเครดิตต่ำได้ง่ายขึ้น โดยบริษัทให้รายละเอียดว่า กว่า 50% ของผู้ได้รับอนุมัติสินเชื่อจากแอปฯ เงินทันเด้อ เป็นคนที่เคยถูกปฏิเสธจากสถาบันการเงินอื่นมาก่อน และมากกว่า 40% เป็นผู้ที่เคยกู้เงินนอกระบบมาก่อน
อีกทั้งการใช้นวัตกรรม AI ที่เป็นระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ (Fully Automated System) มากกว่าธนาคารคู่แข่งซึ่งใช้มนุษย์ ได้ช่วยให้บริษัทมีต้นทุนการบริการที่ต่ำลง
อบาคัส ดิจิทัล ตั้งเป้าหมายว่า ภายในปี 2567 จะให้บริการสินเชื่อแก่กลุ่มคนที่ขออนุมัติเงินกู้ยาก ให้ถึง 10% หรือราว 2.5 ล้านคน และมุ่งสู่ผู้นำในตลาดสินเชื่อดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียนในอนาคต
สำหรับผลประกอบการของ บริษัท อบาคัส ดิจิทัล จำกัด พบว่า ปี 2565 มีรายได้รวมอยู่ที่ 159,894,369 บาท และขาดทุน 245,234,226 บาท
- บริษัท Abacus Digital (เครดิต: Abacus Digital) -
- 2. “GoWabi” แพลตฟอร์มจองบริการสุขภาพ-ความงาม
บริษัท โกวาบิ (ไทยแลนด์) จำกัด หรือ “GoWabi” เป็นธุรกิจแพลตฟอร์ม “ตัวกลาง” ให้บริการค้นหา จองบริการด้านสุขภาพและความงามในไทย ไม่ว่าจะเป็นนวดสปา พอกผิว แช่น้ำ นวดหน้า โยคะ มวยไทย ปลูกผม สปาผม สักคิ้ว ฯลฯ
อีกทั้งยังขยายไปสู่การเปิดบริการจองตรวจสุขภาพ ฉีดวัคซีน จัดฟัน อาบน้ำให้สุนัข โดยผู้ใช้บริการสามารถให้คะแนนดาวและความคิดเห็นต่อร้านที่ให้บริการได้
สำหรับจำนวนผู้ใช้งานผ่าน GoWabi มีมากกว่า 500,000 รายต่อเดือน และมีร้านค้าบริการที่เข้าร่วมมากกว่า 5,000 ร้าน โดย GoWabi ตั้งเป้าหมายว่าจะขึ้นเป็นผู้นำอันดับ 1 ในภูมิภาคอาเซียน ด้านแพลตฟอร์มการค้นหาและจองสำหรับบริการด้านสุขภาพและความงาม
- หน้าตาแพลตฟอร์ม GoWabi (เครดิต: GoWabi) -
ด้วยการบริการที่ครบวงจรด้านสุขภาพและความงามเช่นนี้ ได้ทำให้เข้าตายักษ์ใหญ่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (มหาชน) หรือในชื่อ “OR” ตัดสินใจร่วมลงเงิน 140 ล้านบาทในบริษัท GoWabi เมื่อเดือน ส.ค. 2565
ข้อมูลจาก Creden Data พบว่า บริษัท โกวาบิ (ไทยแลนด์) จำกัด มีรายได้รวม ปี 2565 อยู่ที่ 70,797,266 บาท และขาดทุน 45,523,308 บาท
- 3. “HD” ศูนย์รวมบริการสุขภาพ ทำฟัน และความงาม
บริษัท เฮลธ์ดีดี จำกัด หรือ “HD” เป็นเจ้าของแพลตฟอร์มเว็บไซต์ HDmall และแอปฯ HD ซึ่งเป็นออนไลน์มาร์เก็ตเพลสที่รวบรวมแพ็กเกจสุขภาพ ทำฟัน และความงามจากโรงพยาบาล คลินิก ร้าน หรือร้านเสริมสวยทั่วประเทศให้ผู้ใช้เลือกใช้บริการ รวมถึงสามารถทำประกันสุขภาพ ปรึกษาเภสัชกรและหมอออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์ม HD ได้ด้วย ซึ่งบริษัท HD ระบุว่า ได้ช่วยทำให้ผู้ใช้งานมากกว่า 250,000 คนเข้าถึงร้านบริการสุขภาพมากกว่า 1,500 ร้าน
ความโดดเด่นของแพลตฟอร์มนี้คือ ผู้จองจะได้รับส่วนลดพิเศษเมื่อจองผ่าน HDmall และสามารถเทียบราคากับร้านที่ให้บริการใกล้เคียง โดยบริษัท HD วางเป้าหมายเป็นบริษัท Amazon ด้านบริการสุขภาพแห่งอาเซียน
- หน้าตาแพลตฟอร์ม HDmall (เครดิต: HDmall) -
สำหรับผลประกอบการของบริษัท เฮลธ์ดีดี จำกัด พบว่า ส่งงบล่าสุดปี 2564 มีรายได้รวมอยู่ที่ 34,941,610 บาท และขาดทุน 5,497,553 บาท
อ้างอิง: scb, forbes, HD, gowabi, techsauce