ปี 2567 เศรษฐกิจไทย แขวนอยู่บนเส้นด้าย
แม้นักท่องเที่ยวจีนจะยังคงฟื้นตัวได้ช้ากว่าที่คาด แต่ไทยยังคงเป็นจุดหมายยอดนิยมของชาวจีน และหวังที่จะเห็นการฟื้นตัวปีนี้ เราเห็นว่า ตัวเลขประมาณการต่างๆ จากหลายสำนักฯ ที่ออกมาก็เป็นเพียงการคาดเดา เป็นโจทย์สำคัญที่รัฐบาลต้องมองสถานการณ์ให้ขาด
ก้าวสู่ปี 2567 โลกทั้งใบยังเต็มไปด้วยสารพัดปัญหา ความท้าทาย ความผันผวนที่เพิ่มเท่าทวีคูณจากปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจโลกปีนี้น่าจับตายิ่งนัก การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นอีกมากมายหลายมุม หลายมิติ ขั้วมหาอำนาจของโลกที่ไม่ได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
สงคราม ปมภูมิรัฐศาสตร์ ความท้าทายของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปจะส่งผลอย่างมหาศาลต่อเศรษฐกิจโลก แน่นอนว่า ส่งผลถึงเศรษฐกิจไทยให้ต้องปรับแผน ปรับยุทธศาสตร์ตาม
“กรุงเทพธุรกิจ” สัมภาษณ์ซีอีโอชั้นนำ ผู้มีส่วนขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ธุรกิจประเทศ ต่างมองไปในทิศทางเดียวกัน เศรษฐกิจปีหน้ายังไม่ค่อยดี มีความท้าทายอยู่มาก อาจส่งผลต่อเนื่องให้ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมทั้งหมดชะลอตัว
โครงสร้างพื้นฐานใหญ่ๆ ของประเทศจึง ควรได้รับการสังคายนาให้สอดรับการเปลี่ยนไปของโลกอย่างฉับพลัน โดยเฉพาะการศึกษาการฝึกทักษะใหม่ๆ
โครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม สื่อสาร เส้นทางขนส่งต่างๆ ระบบโลจิสติกส์ประเทศ เหล่านี้ล้วนต้องมีการยกระดับ ให้รองรับการลงทุนใหม่ๆ โดยเฉพาะกฎระเบียบการลงทุนใดๆ ที่ล้าสมัย ต้องได้รับการปรับปรุง
นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาล ยังจำเป็นต้องมี แต่จะออกแบบนโยบายอย่างไรให้สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจให้ดีขึ้นกว่าเดิม เป็นการบ้านและโจทย์ใหญ่ที่ทีมเศรษฐกิจรัฐบาล เศรษฐา 1 ต้องมองให้ทะลุครบทุกมิติ โดยเฉพาะการดูแลเศรษฐกิจรากหญ้า
ปัญหาเรื่องหนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูงกว่า 90% แนวทางการช่วยเหลือรายย่อยเอสเอ็มอี รวมถึงสตาร์ตอัปให้อยู่รอด เติบโต และมีส่วนขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศได้ ท่ามกลางความไม่แน่นอน และวิกฤติบางอย่างที่อาจมาแบบไม่ทันตั้งตัวเหมือนในยุคโควิด
ดังนั้น นโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจต้องทำอย่างเต็มที่ อุดจุดอ่อน เสริมจุดแข็ง หาตลาดใหม่ ดันเครื่องยนต์ขับเศรษฐกิจตัวใหม่ๆ ขึ้นมา
ขณะที่ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) มองเศรษฐกิจไทยปี 2567 มีโอกาสขยายตัวได้ดีขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2566 แต่ก็ต้องเผชิญกับความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน
สศค. ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยจะสามารถขยายตัวได้ที่ 3.2% ต่อปี เร่งขึ้นจากปี 2566 ที่คาดว่าจะขยายตัวได้ที่ 2.7%ต่อปี โดยการฟื้นตัวดังกล่าวได้รับแรงสนับสนุนหลักจากการท่องเที่ยวและการส่งออกสินค้า
การท่องเที่ยวจะได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวปี 2566 ซึ่งเห็นการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวหลายประเทศ เช่น มาเลเซีย เกาหลีใต้ อินเดีย รัสเซีย สปป.ลาว เวียดนาม และสิงคโปร์ และคาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวใกล้เคียงระดับ 90% ของช่วงก่อนโควิด
แม้นักท่องเที่ยวจีนจะยังคงฟื้นตัวได้ช้ากว่าที่คาด แต่ไทยยังคงเป็นจุดหมายยอดนิยมของชาวจีน และหวังที่จะเห็นการฟื้นตัวปีนี้ เราเห็นว่า ตัวเลขประมาณการต่างๆ จากหลายสำนักฯ ที่ออกมา ก็เป็นเพียงการคาดเดาที่เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่า จะมีวิกฤติใหม่ๆ อะไร ผุดขึ้นมาแบบที่เราไม่ทันตั้งรับอีกหรือไม่ เป็นโจทย์สำคัญที่รัฐบาลต้องมองสถานการณ์ให้ขาด เตรียมกระสุนรับมือไว้ให้ดี...