เผยซีอีโอ 45% ทั่วโลก กังวล ’AI‘ ส่อทำธุรกิจอยู่ไม่รอดใน 10 ปี
เปิดผลสำรวจเหล่าซีอีโอ 4,700 คนทั่วโลก พบ 45% วิตกว่าธุรกิจตัวเองอาจไปไม่รอดใน 10 ปี เพราะ AI และยังกังวลอีกว่า AI จะเพิ่มความเสี่ยงทางโลกไซเบอร์ และถูกใช้สร้างข่าวปลอม
Key Points
- เกือบครึ่งหนึ่งของซีอีโอ หรือ 45% กังวลใจว่า AI จะทำให้ธุรกิจพวกเขาอยู่ไม่รอดภายใน 10 ปีนี้
- เกือบ 75% ของผู้บริหารกล่าวว่า AI จะเข้ามาเปลี่ยนพื้นฐานของบริษัทในเรื่องคุณค่าที่บริษัทเคยสร้างไว้ภายใน 3 ปีข้างหน้า
- แม้บรรดาซีอีโอจะกังวลถึง AI แต่ราว 38% ของซีอีโอกลับมีมุมมองบวกต่อเศรษฐกิจมากขึ้น จากระดับเดิมที่ 18% เมื่อปีที่แล้ว
ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในทุกวันนี้ได้รับการพัฒนาจนเก่งมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งล่าสุด AI Sora ของบริษัท OpenAI (โอเพนเอไอ) สามารถแปลง “ข้อความ” ให้กลายเป็น “วิดีโอ” ในระยะเวลาอันสั้น ถึงแม้จะช่วยลดภาระของมนุษย์ แต่ในอีกด้านหนึ่งก็เกิดคำถามขึ้นว่า เมื่อเวลาผ่านไป งานที่ทำในปัจจุบันยังจำเป็นต้องใช้มนุษย์อยู่อีกหรือไม่
ไม่นานมานี้ บริษัท PricewaterhouseCoopers (ไพรซ์วอเทอร์เฮาส์คูเปอร์ส) หรือ PwC หนึ่งในบริษัทตรวจสอบบัญชี 4 แห่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้สำรวจความคิดเห็นของเหล่าประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) จำนวน 4,702 คนจาก 105 ประเทศ ตั้งแต่วันที่ 2 ต.ค.- 10 พ.ย. 2566 ถึงประเด็น “ผลกระทบจาก AI ต่อธุรกิจของพวกเขา”
ผลสำรวจระบุผลลัพธ์อันน่าสนใจว่า เกือบครึ่งหนึ่งของซีอีโอ หรือ 45% กังวลใจว่า AI จะทำให้ธุรกิจพวกเขาอยู่ไม่รอดภายใน 10 ปีนี้ ซึ่งการที่ระดับซีอีโอ ผู้เข้าใจโมเดลธุรกิจมากที่สุดคนหนึ่งยังกังวล นี่อาจเป็นเสียงเตือนให้ฉุกคิดว่า อาชีพต่าง ๆ ในปัจจุบันจะทนทานต่อกระแส AI นี้ได้มากเพียงใด
PwC ระบุว่า AI ถูกมองเป็น 2 ด้าน ด้านที่ 1 คือ ช่วยให้ธุรกิจดำเนินงานอย่างรวดเร็วมากขึ้น แต่ในอีกด้านหนึ่ง คือ สร้างจุดอ่อนให้บริษัทเช่นกัน โดยเกือบ 75% ของผู้บริหารกล่าวว่า AI จะเข้ามาเปลี่ยนพื้นฐานของบริษัทในเรื่องคุณค่าที่บริษัทเคยสร้างไว้ภายใน 3 ปีข้างหน้า
แม้ว่าจำนวนซีอีโอมากกว่าครึ่งหนึ่งจะมองว่า AI จะทำให้ผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัทดีขึ้น แต่ 69% ของซีอีโอเห็นว่า พนักงานของพวกเขาจำเป็นต้องเพิ่มทักษะด้านเทคโนโลยี อีกทั้งกังวลว่า AI จะเพิ่มความเสี่ยงทางโลกไซเบอร์ และถูกใช้สร้างข่าวปลอม
- ปีนี้ เป็นยุคที่บริษัทต้องปรับตัวกับเทคโนโลยี
บ็อบ มอริทซ์ (Bob Moritz) ประธานบริษัท PwC กล่าวว่า ท่ามกลางกระแสการนำ AI มาใช้งานในโลกธุรกิจ และการเปลี่ยนแปลงด้านสภาพภูมิอากาศ สิ่งเหล่านี้ให้ทั้งความท้าทายและโอกาส นี่จึงเป็นปีของการปรับตัวครั้งใหญ่
Edelman บริษัทที่ปรึกษาด้านธุรกิจ ให้ความเห็นว่า ทุกวันนี้ นวัตกรรมมีการจัดการที่ยังไม่ดีนัก และเพิ่มการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายในสังคม โดยเฉพาะในประเทศประชาธิปไตยตะวันตกที่ความเห็นฝ่ายขวาจะค่อนข้างต่อต้านนวัตกรรมมากกว่าฝ่ายซ้าย
“การจะทำให้นวัตกรรมเป็นที่ยอมรับได้ คือ พวกเราควรมองภาพใหญ่ และนักวิทยาศาสตร์ควรอธิบายให้ผู้คนเข้าใจอย่างตรงไปตรงมาว่า นวัตกรรมดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อชีวิตพวกเขาอย่างไร พร้อมกับดูแลอาชีพพวกเขา” นิชาร์ด อีเดลแมน (Richard Edelman) ซีอีโอของบริษัท Edelman กล่าว
- เหล่าซีอีโอมองเศรษฐกิจในแง่บวกมากขึ้น
บริษัท PwC รายงานว่า แม้บรรดาซีอีโอจะกังวลถึง AI แต่ราว 38% ของซีอีโอกลับมีมุมมองบวกต่อเศรษฐกิจมากขึ้น จากระดับเดิมที่ 18% เมื่อปีที่แล้วซึ่งเป็นช่วงเผชิญสภาวะเงินเฟ้อสูง การเติบโตอ่อนแอ และดอกเบี้ยนโยบายขาขึ้น
ขณะที่มุมมองแง่ลบว่าเศรษฐกิจอาจชะลอตัว ก็ลดลงสู่ระดับ 45% จากระดับ 73% เมื่อปีที่แล้ว และจำนวนคนที่มองว่าบริษัทจะเผชิญความเสี่ยงด้านความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ก็น้อยลงด้วย
- การเปลี่ยนผ่านทางสภาพภูมิอากาศ
ไม่เพียงประเด็น AI บริษัท PwC ยังสอบถามถึงประเด็นสิ่งแวดล้อมด้วย ซึ่งราว 1 ใน 3 ของซีอีโอกล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศจะเปลี่ยนลักษณะธุรกิจของพวกเขาในอีก 3 ปีข้างหน้า
อีกทั้งมากกว่า 75% ของผู้บริหารมองว่า พวกเขาเริ่มปรับการใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและ 45% ของผู้บริหารได้นำปัจจัยความเสี่ยงทางภูมิอากาศมาอยู่ในการวางแผนทางการเงินแล้ว
จากความเห็นของเหล่าซีอีโอทั่วโลก จะเห็นได้ว่า AI กับสภาพแวดล้อม ได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่กำลังเปลี่ยนโมเดลธุรกิจให้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป และนี่เป็นสิ่งที่เหล่าผู้ประกอบการอาจต้องปรับตัว
อ้างอิง: euronews, fast