ราคา Netflix สะท้อนเศรษฐกิจแต่ละประเทศ สวิตเซอร์แลนด์แพงสุด ปากีสถานถูกสุด
“Netflix” ยังเป็นสตรีมมิงที่ได้รับความนิยมทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง แต่รู้หรือไม่ว่าแท้จริงแล้วค่าบริการในแต่ละประเทศมีความแตกต่างกัน ที่อาจสะท้อนภาพสังคมและเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ได้ด้วย
จนถึงตอนนี้ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า “Netflix” หรือ เน็ตฟลิกซ์ เป็นสตรีมมิงที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเจ้าหนึ่งของโลกท่ามกลางคู่แข่งที่เพิ่มขึ้นมากมาย ทำให้ล่าสุดมีผู้ใช้งานอยู่ทั้งหมด 244 ประเทศทั่วโลกในทุกภูมิภาค (รวมถึงเขตปกครองพิเศษ เช่น ฮ่องกง หรือมาเก๊า) และแน่นอนว่าการให้บริการในแต่ละพื้นที่ย่อมมีความแตกต่างกันออกไป โดยเฉพาะ “ค่าใช้จ่าย”
สำหรับประเด็นที่ทำให้ค่าสมัครสมาชิกในแต่ละประเทศมีความแตกต่างกันเป็นอย่างมากนั้น มาจากหลายปัจจัยด้วยกัน และอาจเป็นจุดที่สะท้อนให้เห็นถึงความแตกต่างทางเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงของตลาดในประเทศเหล่านั้นด้วย กรุงเทพธุรกิจจะพาไปสำรวจราคาค่าสมาชิก Netflix 5 อันดับแรกของประเทศที่แพงสุด และประเทศที่ถูกที่สุดรวมเป็นทั้งหมด 10 ประเทศด้วยกัน โดยจะนับจากค่าสมัครสมาชิกในแพคเกจเริ่มต้นเท่านั้น
“สวิตเซอร์แลนด์” จ่ายค่า Netflix แพงสุด ด้าน “ปากีสถาน” ถูกสุด
จากข้อมูลล่าสุดที่สำรวจเมื่อเดือนธันวาคม 2023 โดย visualcapitalist พบว่าประเทศที่เรียกได้ว่าจ่ายค่าสมาชิกรายเดือนในราคาขั้นต่ำแพงที่สุดในโลกก็คือ “สวิตเซอร์แลนด์” อยู่ที่ 21.48 ดอลลาร์ต่อเดือน หรือประมาณ 769.84 บาท ซึ่งมากกว่าประเทศที่จ่ายแพงเป็นอันดับ 2 ถึง 5 ดอลลาร์ สามารถเรียงลำดับ 5 อันดับประเทศแรกที่เสียค่าสมาชิกรายเดือนของ Netflix แพงที่สุด ได้ดังนี้
อันดับ 1 สวิตเซอร์แลนด์ 21.48 ดอลลาร์ (ประมาณ 769.84 บาท)
อันดับ 2 เดนมาร์ก 16.46 ดอลลาร์ (ประมาณ 589.93 บาท)
อันดับ 3 ไอร์แลนด์ 16.46 ดอลลาร์ (ประมาณ 589.93 บาท)
อันดับ 4 กรีนแลนด์ 16.15 ดอลลาร์ (ประมาณ 578.82 บาท)
อันดับ 5 สหรัฐอเมริกา 15.49 ดอลลาร์ (ประมาณ 555.16 บาท)
ทางฝั่ง 5 ประเทศที่มีค่ารายเดือนของ Netflix ขั้นต่ำถูกที่สุดในโลก ได้แก่
อันดับ 1 ปากีสถาน 2.28 ดอลลาร์ (ประมาณ 81.72 บาท)
อันดับ 2 ตุรกี 3.38 ดอลลาร์ (ประมาณ 121.14 บาท)
อันดับ 3 อาร์เจนตินา 3.57 ดอลลาร์ (ประมาณ 127.95 บาท)
อันดับ 4 อียิปต์ 3.88 ดอลลาร์ (ประมาณ 139.06 บาท)
อันดับ 5 ไนจีเรีย 4.48 ดอลลาร์ (ประมาณ 160.56 บาท)
สำหรับประเทศไทยมีค่าสมาชิก Netflix ขั้นต่ำต่อเดือนอยู่ที่ 9.99 ดอลลาร์ หรือประมาณ 358.04 บาท มีราคาเท่ากับอีกหลายพื้นที่ เช่น สิงคโปร์, มาเก๊า, นอร์เวย์, กาตาร์, ฮ่องกง และอิหร่าน เป็นต้น
ปัจจัยทางเศรษฐกิจและสังคม มีผลต่อค่าสมาชิก “Netflix” ?
จากข้อมูลจะเห็นได้ว่าประเทศที่จ่ายค่าสมาชิกแพงที่สุดและถูกที่สุด แม้ว่าจะเป็นแพคเกจพื้นฐานเหมือนกัน กลับมีความแตกต่างของช่องว่างราคาเป็นอย่างมาก ซึ่งมีสาเหตุมาจากปัจจุบันหลายด้าน ดังนี้
1. ปัจจัยทางเศรษฐกิจ
Netflix ปรับราคาให้สอดคล้องกับกำลังซื้อของผู้บริโภคในแต่ละตลาด ทำให้ประเทศที่มีรายได้เฉลี่ยของประชากรสูงกว่ามักมีค่าใช้จ่ายในการสมัครสมาชิกสูงกว่าประเทศอื่นๆ
2. การแข่งขันในตลาด
เนื่องจากในแต่ละท้องถิ่นก็มีการให้บริการสตรีมมิงเป็นของตัวเอง และบางแพลตฟอร์มก็ได้รับความนิยมสูสีกับ Netflix ทำให้ต้องยอมลดราคาค่าสมัครชิกลงเพื่อโอกาสที่เพิ่มขึ้นในการแข่งขัน
3. การเข้าถึงเนื้อหา
เพราะการรับสิทธิ์ในการเข้าถึงเนื้อหานั้นแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค โดยส่วนหนึ่งก็มาจากความนิยมและความต้องการของผู้บริโภคเองด้วย ทำให้ส่งผลต่อโครงสร้างของราคาโดยรวมด้วย ประเทศที่ขอเข้าถึงเนื้อหาที่มีราคาแพงก็จะทำให้ค่าสมาชิกแพงขึ้นตาม
4. ความผันผวนของสกุลเงิน
ในบางครั้งอัตราการแลกเปลี่ยนของสกุลเงินก็อาจส่งผลต่อรูปแบบการกำหนดราคาสมาชิกของ Netflix แต่จะเป็นการปรับเปลี่ยนราคาเป็นครั้งคราวหรือตามความผันผวนของค่าเงิน
แม้ว่าในช่วงหลังๆ มานี้ เริ่มมีข้อกังวลจากผู้บริโภคในเรื่องค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้นประกอบกับปัญหาการเชื่อมต่อไวไฟในแต่ละอุปกรณ์ที่ใช้บัญชีเดียวกัน แต่ทาง Netflix ก็ยังมีจุดมุ่งหมายในการสร้างสมดุลระหว่างการเข้าถึงและการได้มาซึ่งเนื้อหา เพื่อเพิ่มช่องทางในการทำกำไร
ขณะเดียวกันอุตสาหกรรมสตรีมมิงเองก็ยังคงพัฒนาต่อไป จึงเป็นประเด็นที่น่าสนใจว่าหลังจากนี้ “Netflix” จะปรับรูปแบบการกำหนดราคาเพื่อรักษาฐานลูกค้าในระดับโลกไปพร้อมกับตอบสนองความต้องการและความชอบในเนื้อหาที่แตกต่างกันของผู้ชมที่หลากหลายได้อย่างไร ท่ามกลางการแข่งขันของแวดวงสรีมมิงที่นับวันจะยิ่งเพิ่มมากขึ้น
อ้างอิงข้อมูล : visualcapitalist