รัฐบาลพูดไม่หมด กรณีไม่กู้มาแจก ‘เงินดิจิทัล’
รัฐบาลพูดได้ว่าไม่กู้เงินเพื่อมาแจกประชาชนผ่านโครงการดิจิทัลวอลเล็ต แต่รัฐบาลไม่อธิบายว่าการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีที่มีงบประมาณจำกัดจะทำให้รัฐบาลต้องทำงบประมาณขาดดุลเพิ่มมากขึ้น และมีภาระในการกู้เงินเพื่อมาชดเชยการขาดดุลงบประมาณเพิ่มมากขึ้นในอนาคต
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประกาศความพร้อมในการดำเนินโครงการโครงการเติมเงิน 10,000 บาทในกระเป๋าเงินดิจิทัลวอลเล็ต มาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่รัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 11 ก.ย.2566 ซึ่งในช่วงที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงได้รางยานต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ถึงวงเงินที่จะใช้แจกประชาชน 560,000 ล้านบาท โดยจะใช้วิธีการทางงบประมาณและไม่มีการกู้เงิน รวมทั้งจะใช้งบประมาณจากการประเมินรายได้จากภาษีที่เพิ่มขึ้น
เมื่อนายเศรษฐา และพรรคเพื่อไทยเข้ามาจัดตั้งรัฐบาลได้มีข้อเสนอให้มีการออกกฎหมายกู้เงินเพื่อมาแจกประชาชน โดยรัฐบาลยืนยันว่าจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่หลังจากที่เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำกว่าเป้าหมายมาตลอดรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่การออกกฎหมายกู้เงินเพื่อแจกประชาชนถูกแรงต้านจำนวนมากทั้งแรงต้านจากหน่วยงานราชการ แรงต้านจากนักวิชาการ ทำให้รัฐบาลกลับมาตั้งหลักใหม่เพื่อหาเงินมาแจกประชาชนให้ได้ตามที่หาเสียงไว้
รัฐบาลนายเศรษฐา จำนนด้วยวิธีการออกกฎหมายกู้เงินที่มีความเสี่ยงที่จะขัดต่อ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง จึงทำให้ออกมาชี้แจงถึงแนวทางการใช้งบประมาณประจำปีแทนการกู้เงินมาแจกประชาชนโดยตรง แนวทางที่จะดำเนินการได้จึงอยู่ที่การเค้นจากงบประมาณปี 2567-2568 โดยงบประมาณปี 2567 กำลังเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภา และถ้าจะปรับหลักการใช้งบประมาณจะต้องใช้งบกลาง หรือต้องออก พ.ร.บ.โอนงบประมาณ เพื่อปรับรายการใช้จ่ายที่อาจใช้ไม่ทันเพราะเหลือเวลาการใช้งบประมาณเพียง 4-5 เดือน
ในขณะที่การจะใช้งบประมาณ 2568 เพื่อแจกประชาชนจะต้องมีการปรับรายละเอียดในร่าง พ.ร.บ.เพื่อกำหนดรายจ่ายสำหรับโครงการแจกเงินดิจิทัล แต่จะต้องไปเบียดบังงบประมาณส่วนอื่นที่นำมาจัดสรรได้ เช่น งบลงทุน งบกลาง ซึ่งมีแนวโน้มที่รัฐบาลจะตั้งงบประมาณขาดดุลเพิ่มมากขึ้นจากเดิมในกรอบงบประมาณระยะปานกลางที่รัฐบาลชุดปัจจุบันเพิ่งปรับปรุงไปเมื่อปลายปี 2566 ได้กำหนดงบประมาณขาดดุลเพิ่มขึ้นเป็น 731,000 ล้านบาท สูงกว่าปี 2567 ที่ขาดดุล 693,000 ล้านบาท
รัฐบาลพูดได้ว่าไม่กู้เงินเพื่อมาแจกประชาชนผ่านโครงการดิจิทัลวอลเล็ตให้คนไทย 50 ล้านคน คนละ 10,000 บาท แต่รัฐบาลไม่อธิบายว่าการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีที่มีงบประมาณจำกัดและเป็นงบประมาณขาดดุล จะทำให้รัฐบาลต้องทำงบประมาณขาดดุลเพิ่มมากขึ้น และจะทำให้รัฐบาลมีภาระในการกู้เงินเพื่อมาชดเชยการขาดดุลงบประมาณเพิ่มมากขึ้นในอนาคต ลักษณะการดำเนินการเช่นนี้จึงเป็นลักษณะการกู้ทางอ้อมตามกรอบกฎหมายเพื่อนำเงินมาแจกประชาชน