Forbes เผย 50 มหาเศรษฐีไทย 2567 'อยู่วิทยา' แซง 'เจียรวนนท์' ขึ้นอันดับ 1

Forbes เผย 50 มหาเศรษฐีไทย 2567 'อยู่วิทยา' แซง 'เจียรวนนท์' ขึ้นอันดับ 1

'ฟอร์บส์' เผยอันดับ 50 มหาเศรษฐีไทย 2567 พบการเมืองฉุดเศรษฐกิจไทย ดึงความมั่งคั่งรวมลดลง 12% เหลือ 5.6 ล้านล้านบาท ขณะที่ 'เฉลิม อยู่วิทยา' แห่ง Red Bull แซงพี่น้องเจียรวนนท์ ขึ้นสู่อันดับ 1

นิตยสารฟอร์บส์ (Forbes) เปิดเผยผลการจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีไทยประจำปี 2567 หรือ Thailand’s 50 Richest 2024 ว่า ปีนี้มหาเศรษฐีเบอร์ 1 ของไทยมีการ "เปลี่ยนแชมป์" จาก "พี่น้องเจียรวนนท์" แห่งเครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP) ที่ครองอันดับ 1 มานานเกือบสิบปี ไปเป็น "เฉลิม อยู่วิทยา และครอบครัว" จากธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลัง Red Bull ด้วยทรัพย์สิน 3.6 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 1.32 ล้านล้านบาท)

ฟอร์บส์ ระบุว่าหลังจากเข้ารับตำแหน่งได้ไม่ถึงปี อนาคตทางการเมืองของนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน อดีตนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ก็เริ่มไม่มั่นคง เช่นเดียวกับเศรษฐกิจไทยที่ถูกการเมืองบั่นทอนความมั่นใจของนักลงทุน ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นตกลงถึง 15% นับตั้งแต่ปีที่แล้ว และยังถูกซ้ำเติมด้วยค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง จนฉุดความมั่งคั่งโดยรวมของมหาเศรษฐีเมืองไทยให้ลดลงถึงเกือบ 12% เหลือเพียง 1.53 แสนล้านดอลลาร์ (ราว 5.6 ล้านล้านบาท) จากเดิม 1.73 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2566

มหาเศรษฐีไทยส่วนใหญ่ 39 คนจากการจัดอันดับปีนี้มีทรัพย์สินลดลง โดยมีเพียงแค่ "7 คน" เท่านั้นที่ฝ่าแรงต้านสวนกระแสได้อย่างท้าทาย 

ปีนี้ "เฉลิม อยู่วิทยา และครอบครัว" แซงขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 3.6 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 1.32 ล้านล้านบาท) หรือเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 2.6 พันล้านดอลลาร์ จากอานิสงส์รายได้ของธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลัง Red Bull ที่เติบโตกว่า 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2566 โดยสามารถขายได้ทะลุ 1.2 หมื่นล้านกระป๋องทั่วโลก 

Forbes เผย 50 มหาเศรษฐีไทย 2567 \'อยู่วิทยา\' แซง \'เจียรวนนท์\' ขึ้นอันดับ 1

ขณะที่ "พี่น้องเจียรวนนท์" แห่งเครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP) ที่ครองอันดับ 1 ติดต่อกันมานานเกือบสิบปี ถูกโค่นลงมาอยู่อันดับ 2 ในปีนี้ โดยมีมูลค่าทรัพย์สิน 2.9 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 1.06 ล้านล้านบาท) หรือลดลงจากปีที่แล้ว 5 พันล้านดอลลาร์ โดยส่วนหนึ่งเป็นเพราะราคาหุ้นที่ตกลงของบริษัท "ผิงอัน อินชัวรันซ์" (Ping An Insurance) ในประเทศจีน ทำให้ขาดทุน 2.7 พันล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว

สำหรับมหาเศรษฐีคนอื่นๆ ใน 5 อันดับแรกของไทยยังคงไม่เปลี่ยนแปลงในแง่ของอันดับ มีเพียงความมั่งคั่งเท่านั้นที่ปรับตัวลดลง "เจริญ สิริวัฒนภักดี" แห่งบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด อยู่ในอันดับ 3 ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 1 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 3.68 หมื่นล้านบาท) หรือลดลงจากปีก่อนถึงกว่า 1 ใน 4 

ส่วนอันดับ 4 ที่ตามมาติดๆ คือ "ครอบครัวจิราธิวัฒน์" จากกลุ่มเซ็นทรัล ซึ่งมีมูลค่าทรัพย์สิน 9.9 พันล้านดอลลาร์ (3.64 แสนล้านบาท) หรือลดลง 20% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยกลุ่มเซ็นทรัลเพิ่งกลายมาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของห้างสรรพสินค้า Selfridges ในกรุงลอนดอน เมื่อเดือนพ.ย.2567

ขณะที่ "สารัชถ์ รัตนาวะดี" จากบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด อยู่ในอันดับ 5 โดยมหาเศรษฐีธุรกิจพลังงานและโทรคมนาคม รายนี้เคยสร้างความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นต่อเนื่องนับตั้งแต่ปรากฏชื่อในทำเนียบของฟอร์บส์เมื่อ 6 ปีก่อน แต่ล่าสุดในปีนี้ ถือเป็นปีแรกที่ความมั่งคั่งตกลงเหลือเพียง  9.2 พันล้านดอลลาร์ (ราว 3.38 แสนล้านบาท) ลดลงจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 1.13 หมื่นล้านดอลลาร์

สำหรับมหาเศรษฐีคนอื่นๆ ที่มีความมั่งคั่งลดลงมากในปีนี้ ได้แก่ "สมโภชน์ อาหุนัย" จากบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ซึ่งมีความมั่งคั่งลดลงถึง 2 ใน 3 ทำให้อันดับตกลงจากอันดับ 9 ในปีที่แล้ว มาอยู่อันดับ 32 ในปีนี้ ท่ามกลางราคาหุ้นที่ร่วงลงหนักเนื่องจากความกังวลเรื่องหนี้สินจากการขยายธุรกิจไปยังตลาดรถยนต์ไฟฟ้า และแบตเตอรี่

ขณะที่ "อาลก โลเฮีย" แห่งบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด มีความมั่งคั่งลดลง 310 ล้านดอลลาร์ เหลือ 1.2 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้ โดยเป็นผลจากความต้องการผลิตภัณฑ์ด้านปิโตรเคมีในจีน และยุโรปที่หดตัวลง

อย่างไรก็ดี ท่ามกลางความมั่งคั่งที่ลดลงของมหาเศรษฐีไทย 39 คนหรือครอบครัวนั้น มีมหาเศรษฐี 7 คน ที่ฝ่าแรงต้านจนรวยขึ้นได้ อาทิ "อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา และครอบครัว" จากกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชันแนล มีทรัพย์สิน 3.6 พันล้านดอลลาร์ (ราว 1.32 แสนล้านบาท) หรือเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 100 ล้านดอลลาร์ 

นอกจากนี้ ผู้ที่มีมูลค่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้นยังรวมถึง "เสถียร เสถียรธรรมะ" และ "ณัฐชไม ถนอมบูรณ์เจริญ" จากบริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) "อนันท์ รักอริยะพงศ์" จากบริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) และ "ตัน ภาสกรนที" จากบริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด

 

Forbes เผย 50 มหาเศรษฐีไทย 2567 \'อยู่วิทยา\' แซง \'เจียรวนนท์\' ขึ้นอันดับ 1

สำหรับ 10 อันดับมหาเศรษฐีไทย 2567 มีดังต่อไปนี้

1.เฉลิม อยู่วิทยา และครอบครัว 
- ทรัพย์สิน 3.6 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 1.32 ล้านล้านบาท)
  เพิ่มขึ้น 2.6 พันล้านดอลลาร์

2.พี่น้องเจียรวนนท์ 
- ทรัพย์สิน 2.9 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 1.06 ล้านล้านบาท)
  ลดลง 5 พันล้านดอลลาร์

3.เจริญ สิริวัฒนภักดี 
- ทรัพย์สิน 1 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 3.68 หมื่นล้านบาท)
  ลดลง 3.6 พันล้านดอลลาร์

4.ครอบครัวจิราธิวัฒน์ 
- ทรัพย์สิน 9.9 พันล้านดอลลาร์ (ราว 3.64 แสนล้านบาท)
  ลดลง 2.5 พันล้านดอลลาร์

5.สารัชถ์ รัตนาวะดี 
- ทรัพย์สิน 9.2 พันล้านดอลลาร์ (ราว 3.38 แสนล้านบาท)
  ลดลง 2.1 พันล้านดอลลาร์

6.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ 
- ทรัพย์สิน 3.8 พันล้านดอลลาร์ (ราว 1.39 แสนล้านบาท)
  เท่ากับปีที่แล้ว

7.อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา และครอบครัว 
- ทรัพย์สิน 3.6 พันล้านดอลลาร์ (ราว 1.32 แสนล้านบาท)
  เพิ่มขึ้น 100 ล้านดอลลาร์

8.วานิช ไชยวรรณ 
- ทรัพย์สิน 3.3 พันล้านดอลลาร์ (ราว 1.21 แสนล้านบาท)
  ลดลง 600 ล้านดอลลาร์

9.ครอบครัวโอสถานุเคราะห์ 
- ทรัพย์สิน 2.2 พันล้านดอลลาร์ (ราว 8.10 หมื่นล้านบาท)
  ลดลง 300 ล้านดอลลาร์

10.ประยุทธ มหากิจศิริ 
- ทรัพย์สิน 2.15 พันล้านดอลลาร์ (ราว 7.91 หมื่นล้านบาท)
  (ไม่มีข้อมูลเทียบ)

หมายเหตุ: เทียบกับ 50 อันดับเศรษฐีไทยปี 2566

ที่มา: Forbes

พิสูจน์อักษร....สุรีย์   ศิลาวงษ์