ระเบิดเวลาลูกใหญ่ กองทุนประกันสังคม
บนสถานการณ์ที่กองทุนประกันสังคมมีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะล้มละลาย เป็นหน้าที่ของกระทรวงแรงงานและรัฐบาลจะต้องวางแผนรับมือที่มีแนวทางมากกว่าการผลักภาระให้ผู้ประกันตน รัฐบาลควรเพิ่มการมองในมิติความรับผิดชอบของรัฐบาลต่อผู้ประกันตนเพิ่มมากขึ้น
สถานะกองทุนประกันสังคมของประเทศไทยกำลังตามรอยหลายประเทศที่มีความเสี่ยงต่อสถานะล้มละลาย โดยสำนักงานกองทุนประกันสังคมรายงานสถานะกองทุนประจำปี 2565 กองทุนมีรายรับ 168,996 ล้านบาท และมีรายจ่ายเงินทดแทนให้ผู้ประกันตน 161,218 ล้านบาท ซึ่งรายรับและรายจ่ายมีระดับใกล้เคียงกันมากขึ้น เมื่อเทียบกับสถานะเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา หรือปี 2557 ที่มีรายรับ 173,665 ล้านบาท ขณะที่รายจ่ายอยู่ที่ 61,440 ล้านบาท
การเข้าสู่สังคมสูงวัยเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของกองทุนประกันสังคมที่ต้องหาทางรับมือกับจำนวนผู้ประกันตนใหม่ที่จะเข้าสู่ระบบลดลง ในขณะที่จำนวนผู้ระกันตนที่เข้าสู่ระบบบำนาญเพิ่มมากขึ้น ซึ่งมีข้อเสนอให้หาทางเพิ่มจำนวนผู้ประกันตนหรือเพิ่มอายุการเกษียณที่ปัจจุบันกำหนดไว้ 55 ปี เพื่อให้มีการจ่ายเงินสมทบเพิ่มมากขึ้น เพราะนอกจากปัจจุบันจะมีปัญหาจำนวนแรงงานลดลง ยังมีปัญหาคนรุ่นใหม่นิยมทำงานในลักษณะฟรีแลนซ์หรือการเป็นแรงงานนอกระบบเพิ่มมากขึ้น
ปัจจุบันประเทศไทยมีระบบประกันสุขภาพที่สำคัญ 3 ระบบ คือ ข้าราชการ ประกันสุขภาพถ้วนหน้าและประกันสังคม โดยระบบประกันสังคมเป็นระบบเดียวที่ผู้ประกันตนต้องจ่ายเงินสมทบเพื่อรักษาตัวเอง โดยระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (30 บาท รักษาทุกโรค) ดูแลประชาชน 47 ล้านคน ในขณะที่ระบบสวัสดิการข้าราชการที่ข้าราชการมีสิทธิ 2.2 ล้านคน ครอบครัว 2.5 ล้านคน รวม 4.7 ล้านคน ซึ่งทั้ง 2 ระบบดังกล่าวประชาชนมากกว่า 50 ล้านคน ไม่ต้องจ่ายเงินสมทบรักษาพยาบาล
บนสถานการณ์ที่กองทุนประกันสังคมมีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะล้มละลาย เป็นหน้าที่ของกระทรวงแรงงานและรัฐบาลจะต้องวางแผนรับมือที่มีแนวทางมากกว่าการผลักภาระให้ผู้ประกันตน ไม่ว่าจะเป็นการขยายเวลาอายุเกษียณหรือการเพิ่มวงเงินการจ่ายเงินสมทบ ดังนั้นรัฐบาลควรเพิ่มการมองในมิติความรับผิดชอบของรัฐบาลต่อผู้ประกันตนเพิ่มมากขึ้น
ในขณะที่รัฐบาลมีหน้าที่ดูแลระบบรักษาพยาบาลสำหรับประชาชน รัฐบาลอาจรับภาระดูแลสุขภาพของผู้ประกันตน 13.7 ล้านคน (ม.33 และ ม.39) และปรับเงินที่ผู้ประกันตนจ่ายสมทบในส่วนค่าเจ็บป่วย เพื่อไปเพิ่มใส่ส่วนเงินชราภาพที่กองทุนต้องมีภาระจ่ายเพิ่มขึ้นในอนาคต ซึ่งเป็นอีกแนวทางเพิ่มเติมที่จะขยายอายุเกษียณของผู้ประกันตนและการเพิ่มเพดานจ่ายเงินสมทบประกันสังคม หากรัฐบาลไม่เร่งตัดสินใจจะเป็นระเบิดลูกใหญ่ที่รอวันปะทุ ดังนั้นนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่อาสาเข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน จะต้องเร่งตัดสินใจปรับปรุงระบบประกันสังคมที่จัดตั้งมา 34 ปี และมีบางส่วนที่เป็นกฎหมายล้าสมัย