สัญญาณร้าย ‘รัฐบาลเศรษฐา’
หนี้ที่ค้างชำระ เป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดอยู่ในกลุ่มสินเชื่อบุคคลกำลังเป็นหนี้เสียมากถึง 1.38 แสนล้านบาท ...ไม่นับการทยอยปิดตัวของโรงงานในไทยที่ล่าสุดปิดตัวไปแล้วเกือบ 2 พันแห่ง เหล่านี้ คือ “สัญญาณร้าย” ของรัฐบาลเศรษฐาที่ต้องเร่งหาทางรับมือ
วิกฤติเศรษฐกิจ กำลังลุกลามบานปลาย หลายคนหวั่นวิตกไม่น้อยว่าครั้งนี้จะร้ายแรงมากกว่าทุกวิกฤติที่โลกเจอ ประเทศไทยไม่ใช่ข้อยกเว้น เผลอๆ อาจโดนหนักกว่าหลายประเทศที่มีโครงสร้างเศรษฐกิจ การเมือง สังคมที่แข็งแรง และมีภูมิต้านทานความท้าทายได้ดีกว่า
ประเทศไทยยามนี้ “อาการน่าเป็นห่วง” ดัชนีชี้วัดการเติบโตไม่ดี ขีดแข่งขันไม่ได้ หนี้ครัวเรือน หนี้สาธารณะก็พุ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะประชาชนที่หาเช้ากินค่ำ เอสเอ็มอีทยอยตายและกำลังลามสู่ธุรกิจขนาดใหญ่ ที่ต้องหาปรับตัวคุมความเสี่ยงให้ดี
หนึ่งในความน่าเป็นห่วง หากไม่นับเรื่องวุ่นๆ ในตลาดหุ้นไทยที่เจอวิกฤติหนักๆ สะเทือนความเชื่อมั่นมาอย่างต่อเนื่องทั้งประเด็นเรื่อง STARK และล่าสุด EA ที่ต้องยอมรับว่าฉุดบรรยากาศลงทุน สั่นคลอนเสถียรภาพตลาดหุ้นไทยอย่างเห็นได้ชัด
เรื่อง “หนี้” เป็นอีกเรื่องที่น่าห่วงมาก โดยเฉพาะหนี้ครัวเรือนไทยที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องกว่า 90% ต่อจีดีพี หรือกว่า 16 ล้านล้านบาท การก่อหนี้ของครัวเรือนไทยส่วนใหญ่ก็มาจากการก่อหนี้เพื่อการบริโภคเกินกว่าครึ่ง
ขณะที่ข้อมูลเครดิตบูโรล่าสุด เผยภาพรวมหนี้ ณ พ.ค. 2567 ภายใต้สินเชื่อทั้งระบบที่ 13.6 ล้านล้านบาท พบว่าในนี้กลายเป็นหนี้เสีย หรือหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) แล้วถึง 1.14 ล้านล้านบาท หรือราว 8.4%
หากเทียบกับสัดส่วนสินเชื่อทั้งหมด ตัวเลข 1.14 ล้านล้านบาท ถือเป็นตัวเลขที่สูงมาก และเป็นตัวเลขที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ แซงหน้าช่วงที่ประเทศเจอ“วิกฤติโควิด-19” ที่ระดับหนี้ขณะนั้นทำจุดสูงสุดที่ 1.1 ล้านล้านบาท
ถามว่า หนี้อะไรที่น่าห่วงที่สุดสำหรับไทยหนีไม่พ้น “หนี้รถยนต์ หนี้บ้าน หนี้บัตร หนี้สินเชื่อส่วนบุคคล” ที่ครองแชมป์มาตลอดนับตั้งแต่ปีก่อน
ข้อมูลระบุว่า กลุ่มที่เป็นหนี้เสียแล้วสูงสุด คือ สินเชื่อรถยนต์ มีหนี้เสียเพิ่มขึ้น 2.5 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.1% หากเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 2.5% หากเทียบเดือนก่อนหน้านี้ หากคิดเป็นจำนวนบัญชีพบว่าหนี้เสียรถยนต์เป็นหนี้เสียถึง 8.07 แสนบัญชี ที่อาจถูกยึดรถขายทอดตลาด
รองลงมา คือ หนี้เสียจากสินเชื่อบ้านล่าสุดอยู่ที่ 2.18 แสนล้านบาท อันดับ 3 คือ สินเชื่อเครดิตการ์ด อยู่ที่ 6.7 หมื่นล้านบาท หนี้เสียเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 15.6% จากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 2.4% จากเดือนก่อนหน้า
ที่น่าห่วง คือ หนี้ที่ค้างชำระ เป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดอยู่ในกลุ่มสินเชื่อบุคคลกำลังเป็นหนี้เสียมากถึง 1.38 แสนล้านบาท ...ไม่นับการทยอยปิดตัวของโรงงานในไทยที่ล่าสุดปิดตัวไปแล้วเกือบ 2 พันแห่ง เหล่านี้ คือ “สัญญาณร้าย” ของรัฐบาลเศรษฐาที่ต้องเร่งหาทางรับมือ แก้ปัญหาในระยะยาวให้ครบทุกมิติ ไม่เช่นนั้นเราคงเห็นการเลิกจ้างครั้งใหญ่เร็วๆ นี้ !!