ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเกือบแตะ 70 ดอลลาร์ รับข่าวเฮอร์ริเคนกระทบการผลิต
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งขึ้น 1.44 ดอลลาร์ รับข่าวพายุเฮอร์ริเคนฟรานซีนยังกระทบการผลิตน้ำมัน 12% ของอ่าวเม็กซิโก
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ที่ 16 ก.ย. โดยได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่าพายุเฮอร์ริเคนฟรานซีน (Francine) ได้ส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันในอ่าวเม็กซิโกของสหรัฐ ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้อย่างใกล้ชิด
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนต.ค. บวกขึ้น 1.12 ดอลลาร์ หรือ 1.63% ปิดที่ 69.77 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. บวกขึ้น 92 เซนต์ หรือ 1.28% ปิดที่ 72.53 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักงานนิรภัยและการบังคับใช้กฎหมายสิ่งแวดล้อมของรัฐบาลกลางสหรัฐ (BSEE) แถลงเมื่อวานนี้ว่า การผลิตน้ำมันดิบกว่า 12% และการผลิตก๊าซธรรมชาติ 16% ในอ่าวเม็กซิโกยังคงถูกระงับ เนื่องจากอิทธิพลของพายุเฮอร์ริเคนฟรานซีน
ข้อมูลจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ระบุว่า อ่าวเม็กซิโกทางตอนเหนือซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสหรัฐ มีการผลิตน้ำมันดิบในสัดส่วน 15% ของการผลิตน้ำมันดิบทั้งหมดในสหรัฐ และผลิตก๊าซธรรมชาติในสัดส่วน 2% ของการผลิตทั้งหมดภายในประเทศ
รายงานเกี่ยวกับผลกระทบของพายุเฮอร์ริเคนฟรานซีนเป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมันพุ่งขึ้น และบดบังปัจจัยลบจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ในจีน หลังจากที่จีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าผิดหวัง ซึ่งรวมถึงการผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีกเดือนส.ค.ที่ต่ำกว่าคาดการณ์ ขณะที่อัตราว่างงานในพื้นที่เขตเมืองพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน และราคาบ้านปรับตัวลงในอัตราที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 9 เดือน
นักลงทุนจับตาผลการประชุมเฟดในพุธนี้ (18 ก.ย.) ตามเวลาสหรัฐ โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนัก 59% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้วที่ให้น้ำหนักเพียง 30%