ราคาทองคำ ร่วงลง ถูกตลาดพันธบัตรกดดัน

รอยเตอร์สรายงานว่า ราคาทองคำ ร่วงลงในวันศุกร์ (27 ธ.ค.) เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่สูงขึ้น ทำให้ทองคำแท่งที่ไม่ให้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ย น่าลงทุนน้อยลงในช่วงสัปดาห์ที่มีการซื้อขายเบาบางในช่วงวันหยุด โดยตลาดให้ความสนใจกับว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะกลับเข้าดำรงตำแหน่งอีกครั้ง และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากนโยบายเงินเฟ้อของเขาต่อแนวโน้มของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในปี 2025 (2568)

ราคาทองคำตลาดโลก (Spot Gold) ลดลง 0.7% สู่ระดับ 2,615.99 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนราคาทองคำตลาดล่วงหน้า (Gold Futures) ของสหรัฐ ลดลง 0.8% เหลือ 2,633.5 ดอลลาร์

 

“อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสูงขึ้นเล็กน้อย และทองคำจะยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดันจนถึงสิ้นวันนี้ ... เราอยู่ในตลาดวันหยุดที่มีความผันผวน” บ็อบ ฮาเบอร์คอร์น นักกลยุทธ์ตลาดอาวุโสของบริษัทนายหน้าซื้อขายฟิวเจอร์ RJO Futures กล่าว

ดัชนีดอลลาร์ มุ่งหน้าสู่สัปดาห์ที่สี่ติดต่อกัน ส่งผลให้ผู้ถือสกุลเงินอื่น ๆ สนใจทองคำน้อยลง ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีปรับตัวขึ้นใกล้ระดับสูงสุดตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม ซึ่งแตะระดับสูงสุดในวันพฤหัสบดี

ในปีนี้ ราคาทองคำพุ่งขึ้นแล้ว 28% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2,790.15 ดอลลาร์เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม การพุ่งขึ้นดังกล่าวได้รับแรงหนุนจากวัฏจักรการผ่อนปรนอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐและความตึงเครียดทั่วโลกที่ทวีความรุนแรงขึ้น

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังคงมองในแง่ดีสำหรับปี 2025 แม้ว่าขณะนี้ธนาคารกลางสหรัฐจะคาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยน้อยลง

พวกเขาเชื่อว่าความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ทั่วโลกจะยังคงเพิ่มสูงขึ้น ธนาคารกลางของประเทศต่างๆจะยังคงซื้อทองคำอย่างต่อเนื่อง และความไม่แน่นอนทางการเมืองจะคงอยู่ต่อไปเมื่อทรัมป์กลับเข้าทำเนียบขาวในเดือนมกราคม

ตลาดคาดว่าภาษีศุลกากรและนโยบายกีดกันทางการค้าของทรัมป์จะจุดชนวนให้เกิดสงครามการค้า ซึ่งเพิ่มเสน่ห์ให้กับทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

“ปีหน้า หากธนาคารกลางเข้าซื้อ ผมคาดว่าราคาทองคำจะพุ่งแตะระดับ 3,000 ดอลลาร์ในบางจุด อาจเป็นช่วงฤดูร้อน หากทองคำยังคงพุ่งขึ้นในระดับนี้” ฮาเบอร์คอร์น กล่าว

โดยปกติแล้ว ทองคำจะโดดเด่นในช่วงที่เศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ปั่นป่วน และราคาจะสูงขึ้นในสภาพแวดล้อมที่อัตราดอกเบี้ยต่ำ

ด้านราคาโลหะเงินในตลาดสปอตลดลง 1.6% เหลือ 29.32 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แพลตตินัมลดลง 2.2% เหลือ 915.20 ดอลลาร์ แพลเลเดียมลดลง 1.3% เหลือ 912.99 ดอลลาร์