ราคาน้ำมันดิบ ลดสู่แดนลบ หลังทรัมป์ขึ้นภาษีตอบโต้คู่ค้ารุนแรง

ราคาน้ำมันดิบ ลดสู่แดนลบ หลังทรัมป์ขึ้นภาษีตอบโต้คู่ค้ารุนแรง

ราคาน้ำมันดิบ ร่วงลงสู่แดนลบ หลังจากพุ่งขึ้น 1 ดอลลาร์ในการซื้อขายหลังการประกาศภาษีการค้าวันพุธ ผู้ค้าวิตกประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีต่อคู่ค้ารุนแรงกว่าคาด

ราคาน้ำมันดิบ รอยเตอร์ รายงานตลาด น้ำมันดิบ วันพุธ (2 เม.ย.) หรือเมื่อคืนที่ผ่านมาตามเวลาไทย ว่า สัญญา น้ำมันดิบเบรนท์ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าปิดตลาดเพิ่มขึ้น 46 เซนต์ หรือ 0.6% แตะที่ 74.95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่สัญญา น้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียตของสหรัฐฯ(WTI)  เพิ่มขึ้น 51 เซนต์ หรือ 0.7% แตะที่ 71.71 ดอลลาร์

ราคาน้ำมัน ร่วงลงสู่แดนลบ หลังจากพุ่งขึ้น 1 ดอลลาร์ในการซื้อขายหลังการประกาศภาษีการค้าวันพุธ เนื่องจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีตอบโต้คู่ค้าสูงกว่าคาด ทำให้เกิดความกังวลว่าสงครามการค้าโลกอาจทำให้ความต้องการน้ำมันดิบลดลง

ในช่วงต้นการเทรด ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสอินเตอร์มีเดียตของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 1 ดอลลาร์ จากนั้นก็กลายเป็นติดลบในระหว่างการแถลงข่าวของทรัมป์ในช่วงบ่ายวันพุธ ซึ่งเขาประกาศขึ้นภาษีต่อคู่ค้า รวมถึงสหภาพยุโรป จีน และเกาหลีใต้

เป็นเวลาหลายสัปดาห์ที่ทรัมป์ยกวันที่ 2 เมษายนว่าเป็น "วันปลดปล่อย" ซึ่งนำมาซึ่งภาษีใหม่ที่อาจสั่นคลอนระบบการค้าโลก

แผนภูมิรายชื่อประเทศและภาษีที่ทรัมป์แสดงระหว่างการประกาศของเขาไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับภาษีต่อแคนาดาและเม็กซิโก แคนาดาส่งออกน้ำมันดิบไปยังสหรัฐฯ ประมาณ 4 ล้านบาร์เรลต่อวัน

นโยบายภาษีศุลกากรทรัมป์ อาจกระตุ้นให้เกิดเงินเฟ้อ ชะลอการเติบโตทางเศรษฐกิจ และข้อพิพาททางการค้าที่ทวีความรุนแรงขึ้น ซึ่งโอกาสเหล่านี้อาจจำกัดการปรับขึ้นของราคาน้ำมัน

“ราคาน้ำมันดิบได้หยุดชะงักการพุ่งขึ้นของราคาเมื่อเดือนที่แล้วซึ่งราคาน้ำมันดิบเบรนท์มีแนวต้านที่สูงกว่า 75 ดอลลาร์ โดยขณะนี้ความสนใจเปลี่ยนจากการลดอุปทานโดยมาตรการคว่ำบาตร มาเป็นการประกาศมาตรการภาษีศุลกากรของทรัมป์และผลกระทบเชิงลบที่อาจเกิดขึ้นต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและความต้องการน้ำมัน” โอเล่ แฮนเซ่นหัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์ของธนาคาร Saxo กล่าว

ความคิดเห็นจากเม็กซิโกช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสองประเทศได้บ้าง หลังจากประธานาธิบดีเม็กซิโก คลอเดีย ไชน์บาว์ม กล่าวเมื่อวันพุธว่าเม็กซิโกไม่มีแผนที่จะเรียกเก็บภาษีตอบโต้สหรัฐฯ

ทรัมป์ยังขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีประเทศที่ซื้อน้ำมันรัสเซีย และเมื่อวันจันทร์ เขาก็เพิ่มมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ “กดดันสูงสุด” ของรัฐบาลของเขาเพื่อลดการส่งออก นอกจากนี้ สถานการณ์ด้านอุปทานน้ำมันโลกยังซับซ้อนยิ่งขึ้น โดยรัสเซียซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ได้ออกมาตรควบคุมเส้นทางส่งออกน้ำมันหลักอีกเส้นทางหนึ่งเมื่อวันพุธ โดยระงับท่าเทียบเรือที่ท่าเรือ Novorossiisk ในทะเลดำ หลังจากจำกัดการขนส่งจากท่อส่งน้ำมันหลักในทะเลแคสเปียนเพียงวันเดียว

 

รัสเซียผลิตน้ำมันได้ประมาณ 9 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือเกือบหนึ่งในสิบของปริมาณการผลิตน้ำมันทั่วโลก ท่าเรือของรัสเซียยังขนส่งน้ำมันจากประเทศคาซัคสถานซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านด้วย

ขณะเดียวกัน ในวันพุธ นักลงทุนกลับไม่สนใจข้อมูลสต๊อกน้ำมันดิบของรัฐบาลสหรัฐฯ โดยข้อมูลของสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานระบุว่าสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างน่าประหลาดใจที่ประมาณ 6.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว

“ในความเห็นของผม รายงานสำรองน้ำมันส่งสัญญาณแนวโน้มราคาน้ำมันขาลง โดยมีสต๊อกน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นและสต๊อกน้ำมันปิโตรเลียมทั้งหมดเพิ่มขึ้น” จิโอวานนี สเตาโนโว นักวิเคราะห์ของธนาคาร UBS กล่าว “แต่ตลาดมองว่าเป็นกลาง เนื่องจากสต๊อกน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นนั้นขับเคลื่อนโดยการนำเข้าน้ำมันดิบจากแคนาดาที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นก่อนที่จะเกิดความกลัวเกี่ยวกับการใช้มาตรการภาษีศุลกากรใหม่”