ADB เพิ่มจีดีพีไทย 'ดีขึ้น' สวนทางภูมิภาค คาดปีนี้โต 2.8%
สงครามภาษีทำ 'เอดีบี' หั่นคาดการณ์จีดีพีเอเชียแปซิฟิก แต่ในรายประเทศ 'ปรับขึ้นของไทย' ดีขึ้นเป็น 2.8% ปีนี้ และ 2.9% ปีหน้า ได้ปัจจัยหนุนจากการท่องเที่ยว-ลงทุนภาครัฐ
ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) เปิดเผยรายงานการวิเคราะห์แนวโน้มเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียประจำปี 2565 ฉบับเดือนเมษายน (ADO 2025) หั่นคาดการณ์เศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนาในเอเชีย และแปซิฟิกในปีนี้ลงเหลือ 4.9% จากคาดการณ์เดิมเมื่อเดือนธ.ค. ซึ่งให้ไว้ที่ 5.0% และจะลดลงต่อเนื่องเหลือ 4.7% ในปี 2569
ADB ระบุว่าอุปสงค์ภายในประเทศที่แข็งแกร่ง และความต้องการเซมิคอนดักเตอร์ในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นจากกระแสความนิยมของปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังช่วยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม "อุปสรรคจากภาษีศุลกากร และความไม่แน่นอนด้านการค้า" จะเป็นปัจจัยฉุดรั้งการขยายตัว โดยแม้ว่าเศรษฐกิจในภูมิภาคจะมีความยืดหยุ่น แต่การเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายการค้า และเศรษฐกิจของสหรัฐที่รวดเร็วและรุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ อาจเป็นความเสี่ยงต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ ภาษีศุลกากรของสหรัฐที่สูงขึ้น ความไม่แน่นอนทางนโยบายที่เพิ่มขึ้น และมาตรการตอบโต้จากประเทศอื่นๆ อาจชะลอการค้า การลงทุน และการเติบโตทางเศรษฐกิจได้
“การเพิ่มขึ้นของภาษีศุลกากร ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายของสหรัฐ และความเป็นไปได้ของความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ทวีความรุนแรงขึ้น ถือเป็นความท้าทายสำคัญต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในอนาคต ดังนั้น เศรษฐกิจในเอเชียควรรักษาความมุ่งมั่นในการเปิดเสรีทางการค้า และการลงทุน ซึ่งเป็นปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนการเติบโต และความยืดหยุ่นของภูมิภาคนี้” อัลเบิร์ต พาร์ค หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำเอดีบี กล่าว
เพิ่มจีดีพีไทยโต 2.8% ปีนี้
อย่างไรก็ตามในส่วนของ "ประเทศไทย" ADB ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์จีดีพีไทยปี 2568 เป็นขยายตัว 2.8% และปีหน้าเป็น 2.9% เพิ่มขึ้นจากคาดการณ์เดิมที่ให้ไว้เมื่อเดือนธ.ค.2567 ที่ 2.7% ทั้งสองปี โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลักๆ มาจากภาคการท่องเที่ยว และการลงทุนของภาครัฐในท่าเรือและระบบราง และแม้ว่าการบริโภคภาคเอกชนอาจชะลอตัวลงเนื่องจากภาระหนี้ครัวเรือนที่สูง แต่ส่วนหนึ่งจะถูกชดเชยด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และโครงการบรรเทาหนี้
ขณะที่การส่งออกคาดว่าจะเติบโตได้พอประมาณท่ามกลางความท้าทายเชิงโครงสร้างในการผลิต และความตึงเครียดทางการค้าโลกที่เพิ่มมากขึ้น ส่วนการลงทุนภาคเอกชนน่าจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากการส่งออกสินค้าฟื้นตัว และการลงทุนของภาครัฐเร่งตัวขึ้น
เอดีบีคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยจะยังคงรักษาโมเมนตัมการเติบโตในระยะใกล้เอาไว้ได้ "การท่องเที่ยว" ยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นเป็น 39.5 ล้านคนในปีนี้ และ 41 ล้านคนในปีหน้า ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการเติบโต ขณะที่โครงการยกเว้นวีซ่า ดีมานด์ที่เพิ่มสูงขึ้น การขยายเส้นทางการบิน และความถี่ของเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น ล้วนมีส่วนช่วยสนับสนุนการเติบโต
ส่วน "การส่งออกสินค้าและบริการ" จะเติบโตอย่างพอประมาณในปี 2568 และ 2569 การส่งออกสินค้ามีแนวโน้มเติบโตตามการค้าโลก ความต้องการจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น และวงจรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ฟื้นตัว "คาดว่าคู่ค้าหลายรายจะเร่งนำเข้าจากไทย เพื่อรับมือกับนโยบายกีดกันทางการค้าที่เพิ่มมากขึ้น"
สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนยานยนต์ และสินค้าเกษตรยังคงเป็นสินค้าส่งออกหลัก คาดว่าการส่งออกสินค้าเกษตรจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีน้ำเพียงพอสำหรับการเพาะปลูก และราคาพืชผลบางชนิด โดยเฉพาะข้าว ซึ่งจะกระตุ้นให้เกษตรกรขยายพื้นที่เพาะปลูกพืชผลนอกฤดูกาลด้วย
อย่างไรก็ตาม "ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐ และจีนที่กลับมาปะทุอีกครั้ง อาจท้าทายการขยายตัวของการส่งออกในปีนี้และปีหน้า" โดยภาษีนำเข้าเหล็ก และอะลูมิเนียมของสหรัฐอาจส่งผลกระทบต่อผู้ส่งออกสินค้าที่เกี่ยวข้องในประเทศ เช่นเดียวกับภาษีนำเข้ารถยนต์ ยา และชิป ที่อาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อการส่งออกเช่นกัน
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์
