เปิดผลตอบแทนกองทุนหุ้น หรูกว่าทริกเกอร์

เปิดผลตอบแทนกองทุนหุ้น หรูกว่าทริกเกอร์

มอนิ่งสตาร์เปิดผลตอบแทนกองทุนหุ้นปี"55 ผลตอบแทนหรูกว่าทริกเกอร์ฟันด์ เผยปีที่ผ่านมาไม่เข้าเป้า 3 กองทุน มูลค่า 500 ล้านบาท

นายพีร์ ยงวณิชย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มอนิ่งสตาร์ รีเสร์ช (ประเทศไทย) กล่าวว่า ในส่วนของกองทุนทริกเกอร์ฟันด์ในปี 2555 มีออกมาทั้งหมด 52 กองทุน มูลค่ากว่า 22,000 ล้านบาท โดยมีกองทุนที่ปิดได้ตามเป้าไป 20 กองทุน มูลค่าประมาณ 6,525 ล้านบาท เหลือกองทุนที่ยังไม่ปิดอีก 29 กองทุน มูลค่า 15,100 ล้านบาท ในขณะที่มีกองทุนที่ปิดแต่ไม่ฮิตเป้าหมาย 3 กองทุน มูลค่า 500 ล้านบาท

ส่วนใหญ่กองทุนทริกเกอร์หุ้นในประเทศจะฮิทผลตอบแทนได้เป้าหมายเฉลี่ย 7- 10% ในขณะที่กองที่ไม่ฮิทเป้าหมายจะเป็นทริกเกอร์ฟันด์ต่างประเทศในช่วงปีที่ผ่านมา แต่โดยภาพรวมของกองทุนหุ้นโดยทั่วไปกว่า 70% ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่ากองทุนทริกเกอร์ฟันด์ เพราะไม่ไปจำกัดผลตอบแทนในขาขึ้นเอาไว้ ก็ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนเช่นเดียวกัน

“ในส่วนของเงินทุนไหลเข้ากองทุนประหยัดภาษีเองพบว่าเงินส่วนใหญ่ไหลเข้ามาในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของปี โดยในส่วนของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) นั้น มีเงินไหลเข้าสุทธิทั้งปี 6,300 ล้านบาท โดยไหลเข้ามาในไตรมาสที่4 ประมาณ 27,000 ล้านบาท มากสุดเป็นประวัติการณ์นับแต่มีการตั้งกองทุน LTF ขึ้นมา ซึ่งปกติจะไหลเข้ามาเฉลี่ยในไตรมาสที่ 4 ประมาณ 10,000 – 19,000 ล้านบาท เท่านั้นอาจเพราะมีเงินไหลออกไปในไตรมาสที่1/55 ค่อนข้างมากประมาณ 19,000 ล้านบาท จึงทำให้มีเงินไหลกลับเข้ามาซื้อ LTF ในไตรมาสที่4 มากเป็นพิเศษ ในขณะที่กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) เองนั้น มีเงินไหลเข้าสุทธิ14,000 ล้านบาท และแนวโน้มน่าจะมีการเติบโตต่อเนื่องในปีนี้”

นายกิตติคุณ ธนรัตนพัฒนกิจ(Kittikun Tanaratpattanakit) นักวิเคราะห์กองทุน บจ.มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) กล่าวว่า กองทุนหุ้นที่มีผลงานดีสุด 10 อันดับแรกในปี 55 นั้น ประมาณ 90% เป้นกลุ่มกองทุนหุ้นใหญ่ที่เน้นสไตล์การคัดเลือกหุ้นเพื่อลงทุนแล้วถือเป็นหลัก โดยกลุ่มหุ้นที่กองทุนที่มีผลงานดีสุดในปี55 เลือกถือ ได้แก่ 1) กลุ่มสถาบันการเงิน 25.3% 2) กลุ่มพาณิชย์ 5.7% 3) กลุ่มสื่อสาร 9.8% 4) กลุ่มพลังงาน 6.5% และ 5) กลุ่มวัตถุดิบพื้นฐาน 7.3% ทั้งนี้หุ้น 5 หลักทรัพย์แรกที่กองทุนหุ้นที่มีผลงานดีสุดเลือกลงทุนได้แก่ 1) บมจ.ซีพีออลล์ 8.64% 2) บมจ.ธนาคารกรุงเทพ 8.30% 3) บมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ 7.76% 4) บมจ.ท่าอากาศยานไทย และ 5) บมจ.ผลิตไฟฟ้า 5.59%

“กลุ่มกองทุนทองคำถือเป็นกลุ่มกองทุนที่มีผลงานไม่ดีนักในปี55 จากที่เคยดีมากในปี54 ส่วนกองทุนน้ำมันยังคงไม่ได้ต่อเนื่องจากปี54 ในขณะที่กองทุนหุ้นต่างประเทศ เช่น กองหุ้นโลกและกองหุ้นตลาดเกิดใหม่เริ่มกลับมาดีขึ้นในปี55 หลังจากซบเซาไปในปี54 ส่วนกองทุนที่ยังมีผลงานดีต่อเนื่องได้แก่กองทุนหุ้นขนาดกลางและเล็กรวมทั้งกองทุนตราสารหนี้ตลาดเกิดใหม่ ดังนั้น การลงทุนควรยึดหลักกระจายการลงทุนจะดีที่สุดเพราะสินทรัพย์แต่ละประเภทให้ผลตอบแทนที่ดีแตกต่างกันไปในแต่ละช่วงเวลา