'บัฟเฟตต์' ซื้อ'ไฮนซ์'2.8หมื่นล้านดอลล์
วอร์เรน บัฟเฟตต์ จับมือกับบริษัทจากบราซิล "ทรีจี แคปิตอล" ซื้อกิจการ ไฮนซ์ ผู้ผลิตซอสมะเขือเทศรายใหญ่ของโลก
บริษัท “เบิร์กไชร์ แฮทธาเวย์” ของอภิมหาเศรษฐี วอร์เรน บัฟเฟตต์ จับมือกับบริษัทจากบราซิล “ทรีจี แคปิตอล” ประกาศควบรวมกิจการของผู้ผลิตซอสมะเขือเทศรายใหญ่ “ไฮนซ์” ด้วยราคาซื้อขาย 2.8 หมื่นล้านดอลลาร์ นับเป็นการควบรวมกิจการด้านอาหารที่มีมูลค่าสูงที่สุด โดยได้เสนอราคาซื้อแก่ผู้ถือหุ้นในราคาหุ้นละ 72.50 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 20% จากราคาช่วงปิดตลาดของไฮนซ์เมื่อวันพุธ (13 ก.พ.) ที่ผ่านมา
ทางด้านผู้ก่อตั้งและประธานบอร์ดบริหารบริษัท เบิร์กไชร์ แฮทธาเวย์ “วอร์เรน บัฟเฟตต์” ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นบีซี ว่า ความคิดที่จะซื้อบริษัทไฮนซ์นั้นเริ่มต้นมาจาก ผู้ก่อตั้ง ทรีจี แคปิตอล “ฮอร์เก้ เปาโล เลแมนน์” และมีการแบ่งกันถือหุ้นคนละ 50% โดยมีบริษัท ทรีจี แคปิตอลดูแลด้านการบริหาร และยังกล่าวด้วยว่า ไฮนซ์มีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคงเนื่องจากมีมาตรฐานการผลิตสูง ใช้นวัตกรรมที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีทีมบริหารที่แข็งแกร่ง และผลิตสินค้าถูกปากผู้บริโภค
หลังจากการซื้อขายประสบความสำเร็จ หุ้นของไฮนซ์ทะยานขึ้นไปแตะที่ 72.50 ดอลลาร์ต่อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กซึ่งสูงขึ้น 17% ในรอบ 52 สัปดาห์ที่ผ่านมา
ทางด้านหุ้นส่วนกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทรีจี แคปิตอล “อเล็กซ์ แบริ่ง” กล่าวว่า ความสำเร็จระดับโลกของไฮนซ์เป็นสาเหตุหลักในการตัดสินใจซื้อกิจการที่มีชื่อแบรนด์ติดหูคนทั่วโลกอีกทั้งยังมีทีมผู้บริหารของบริษัทที่แข็งแกร่ง
ด้านไฮนซ์เมื่อปีที่แล้วมียอดขายทั่วโลกถึง 1.16 หมื่นล้านดอลลาร์ นับว่าเป็นหนึ่งในบริษัทอาหารที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา และ เป็นเจ้าของ ซอส “เอบีซี” ในเอเชีย ซอส “คเวโร่” ในละตินอเมริกา บริษัทจัดจำหน่าย ผัก ผลไม้ น้ำผลไม้ “โกลเด้น เซอร์เคิล” ในออสเตรเลีย และบริษัทที่เกี่ยวข้องกับอาหารอื่นๆ ในเนเธอร์แลนด์และอิตาลี แต่ตัวสินค้าชูโรงของบริษัทก็ยังเป็น ซอสมะเขือเทศ “ไฮนซ์” ที่ขายในตลาดทั่วโลกผ่านร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด และอีกตัวสินค้าคือ ถั่วอบกระป๋อง
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารไฮนซ์ “วิลเลี่ยม จอห์นสัน” กล่าวถึง การควบรวมกิจการครั้งนี้ ว่า การที่หุ้นของ ไฮนซ์ ได้ดีดตัวขึ้นไปแตะจุดสูงสุดและมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในรอบ 30 ไตรมาส