ภาคต่อสุขภัณฑ์ เซ็นเตอร์ สู่ธุรกิจ“รับจัดหา”สินค้าตอบโจทย์

ภาคต่อสุขภัณฑ์ เซ็นเตอร์ สู่ธุรกิจ“รับจัดหา”สินค้าตอบโจทย์

ภาคต่อธุรกิจ5 ทศวรรษกลุ่มบริษัท สุขภัณฑ์ เซ็นเตอร์ ตัวแทนจำหน่ายกระเบื้องและสุขภัณฑ์ ที่สยายความเชี่ยวชาญสู่ธุรกิจรับจัดหา ด้วยมือของทายาท

เครื่องแก้วคริสตัล เหล้า และไวน์ชั้นดี ภาพแต่งผนังมีดีไซน์ กับเครื่องใช้ไฟฟ้าสุดหรู สารพัดสารพัน ของแต่งบ้านมีระดับ ที่อวดโฉมอยู่ในเว็บไซต์ Mockup Decor (www.mockupdecor.com <http://www.mockupdecor.com> ) พร้อมยั่วสายตาใครต่อใคร ที่แวะไปเยี่ยมชม

แต่ใครจะเชื่อว่าความหรูหราที่เห็น จะไม่ใช่ของจริง ของแท้ ทว่าเป็นของเลียนแบบล้วนๆ ของจำลองน่าตะลึง ที่ถอดแบบมาจากงานต้นฉบับ อย่าง “เป๊ะ!” ชนิดแค่มองด้วยสายตาก็ยากจะหาความต่างได้ กลายเป็นโอกาสหวานๆ ในตลาดของตกแต่งห้องตัวอย่าง ประกอบฉากละคร รายการทีวี กับเหล่างานเนรมิตภาพลวงตา ที่ต้องการความสวยงาม และดูดี “ชั่วคราว” ในราคาที่ประหยัดกว่ากันหลายเท่า

นี่คือหนึ่งในธุรกิจใหม่ ของ บริษัท สุขภัณฑ์ เซ็นเตอร์ กรุ๊ป จำกัด (เอส.ซี.กรุ๊ป) ผู้จำหน่ายกระเบื้องและเครื่องสุขภัณฑ์ ที่อยู่ในธุรกิจนี้มานานถึง 5 ทศวรรษ และไม่ใช่ธุรกิจเดียวที่แตกใบในยุคนี้ เมื่อพวกเขาตกผลึกในความเชี่ยวชาญ จากประสบการณ์ Sourcing สินค้าจากต่างประเทศมาขายในไทยตลอดหลายปี จนรู้ถึงแหล่งของดี ราคาถูก และซัพพลายเออร์ที่ไว้ใจได้ ธุรกิจที่มาพร้อมโอกาสใหม่ๆ จึงถือกำเนิดขึ้น

“อรนุช รุจิรอาภรณ์” กรรมการบริหาร บริษัท สุขภัณฑ์ เซ็นเตอร์ (รามอินทรา) จำกัด บอกเล่าแผนการรบครั้งใหม่ของพวกเขา ในฐานะทายาทรุ่นสอง ที่ขอขับเคลื่อนธุรกิจไม่ให้น้อยหน้าคนรุ่นพ่อ

เธอคือทายาทลำดับที่ 5 ในจำนวนสมาชิกทั้งหมด 6 คน ของ “กำพล รุจิรอาภรณ์” ผู้ก่อตั้งกิจการจำหน่ายกระเบื้องและเครื่องสุขภัณฑ์รายแรกๆ ของไทย เมื่อ 50 ปีที่ผ่านมา

เริ่มจากเปิด "ห้างหุ้นส่วนจำกัด ลี้กี้ฮวด" ในเยาวราช ในยุคที่เมืองไทยยังไม่มีโรงงานกระเบื้องสุขภัณฑ์เป็นของตัวเอง โดยนำเข้าสินค้าจากเกาหลีและญี่ปุ่น มาจำหน่ายในไทย และได้รับการตอบรับอย่างดีในยุคนั้น จนเข้าสู่ยุคที่เมืองไทยมีโรงงานกระเบื้อง โรงงานสุขภัณฑ์มากขึ้น เริ่มมีกำแพงภาษี พวกเขาเลยผันตัวเองมาเป็นตัวแทนจำหน่ายแบรนด์สุขภัณฑ์ชั้นนำจากยุโรป เป็นรายแรกๆ ของไทย ก่อนขยายมานำเข้าสินค้าฝั่งเอเชียมากขึ้น อย่างจีน มาเลเซีย และเวียดนาม

15 ปี ต่อมา ยุทธศาสตร์การรบเปลี่ยน เมื่อตัดสินใจย้ายฐานที่มั่นจากเยาวราช มาอยู่บนถนนรัชดาภิเษก และเปลี่ยนชื่อกิจการเป็นภาษาไทยเสียใหม่ว่า "บริษัทสุขภัณฑ์ เซ็นเตอร์ กรุ๊ป จำกัด" ซึ่งปัจจุบันมีโชว์รูมอยู่ทั้ง ถนนรัชดาภิเษกและรามอินทรา และต่อยอดสู่ไปสู่ธุรกิจพัฒนาที่ดินและอสังหาริมทรัพย์

ตลอด 50 ปี ธุรกิจไม่เคยหยุดนิ่ง แต่เลือกปรับตัวเอง ให้ทันยุคอยู่เสมอ เธอว่า เป็นแบบนี้มาตั้งแต่รุ่นพ่อ

“คุณพ่อท่านเป็นคนแรกๆ ที่จำลองห้องน้ำตัวอย่าง สำหรับโชว์ผลิตภัณฑ์สุขภัณฑ์ จัดตั้งระบบคอมพิวเตอร์ในองค์กร จ้างพนักงานมานั่งเขียนระบบเอง เพื่อใช้ในธุรกิจ” เธอบอกวิธีคิดอันเฉียบคม ของการทำธุรกิจแบบคนรุ่นแรกที่เต็มพร้อมไปด้วยแนวคิดทันสมัย นั่นเองที่ปูพื้นฐานความแข็งแกร่งให้กับ เอส.ซี กรุ๊ป มาจนถึงขณะนี้ จนกลายเป็นผู้เล่น 1 ใน 10 ของตลาดสุขภัณฑ์ มีมูลค่าธุรกิจประมาณ 500 ล้านบาท

ท้าทายยุคผลัดใบ เมื่อลูกๆ พร้อมสานต่อธุรกิจ โจทย์ก็คือ ทำอย่างไรให้กิจการเจริญรุ่งเรืองได้มากกว่ารุ่นพ่อ

“ตลาดสุขภัณฑ์ในช่วงหลังเราเจาะกลุ่มดีเวลลอปเปอร์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโครงการหมู่บ้าน คอนโดมีเนียม ก็จะเห็นเขาจัดห้องตัวอย่างก่อนขาย ซึ่งการตกแต่งห้องก็จะเอาของจริงไปใช้ เลยมาคิดว่าในต่างประเทศที่ไปเห็นมา เขาจะไม่ใช้ของจริง แต่เป็นแบบจำลอง เราเลยลองนำเข้างานจำลองมาเป็นทางเลือกให้ลูกค้ากลุ่มนี้”

ห้องตัวอย่างที่ไม่ได้อยู่อาศัยจริง ถ้าต้องลงทุน “จัดหนัก” เอาของจริงมาตกแต่ง อย่างไวน์หรูๆ เครื่องแก้ว เชิงเทียน ภาพประดับผนัง กระทั่งหนังสือเล่มหนาๆ ก็คงต้องลงทุนมหาศาล ขณะที่ “ของจำลอง” ซึ่งถอดแบบมาจากของจริงไม่ผิดเพี้ยน มีราคาถูกกว่ากันหลายเท่า เรียกว่าช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าเจ้าของโครงการได้มหาศาล

“อย่างไวน์ของแท้ ก็ขวดละเป็นพัน แต่เราขายที่ 60 บาท หนังสือภาษาอังกฤษไปซื้อที่เอเชียบุ๊คเล่มละเป็นพัน ของเราขาย 50 บาท หรือโถคริสตัลอลังการ ของแท้ก็ 4-5,000 บาท แต่เราขายแค่ 900 บาทเท่านั้น”

เธอบอกราคากระชากใจ กับ สารพัดของปลอมที่นำเข้ามาจากประเทศจีน และไม่ต้องกลัวเสียงร่ำลือที่ว่า สินค้าจีนไว้ใจไม่ได้ เมื่อประสบการณ์ในอดีตสั่งสมความเชี่ยวชาญให้กับนักจัดหาที่ชื่อ “เอส.ซี กรุ๊ป” ไปแล้ว

“การดิวกับจีน เราไปหาโรงงานที่ใหญ่ๆ และมีคุณภาพดี ซึ่งราคาอาจสูงกว่าตลาดนิดหน่อย แต่เรามั่นใจได้ว่าลูกค้าซื้อไปแล้วใช้งานได้ดี ไม่มีปัญหา ตอนเริ่มต้นดิว ก็ลองสั่งน้อยๆ มาก่อน เพื่อดูคุณภาพและเราจะได้ไม่เจ็บตัวมาก ถ้าใช้ได้ก็ค่อยดิวต่อ และรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับพาร์ทเนอร์ โดยมีออเดอร์ให้เขาอย่างสม่ำเสมอ”

นอกจากของปลอมที่เหมือนจริงแล้ว บริษัทยังพัฒนาไปสู่ธุรกิจของแต่งบ้านแนววินเทจ (จริงแท้) สำหรับลูกค้าที่อยากได้งานดีไซน์เก๋ๆ มาประดับบ้านสวย โดยใช้ช่องทางเดียวกัน คือ ผ่านเว็บไซต์ ที่ www.decorvintage.com <http://www.decorvintage.com µÅÍ´¨¹> ที่เก๋สุดก็ต้องบริการรับจัดหาของตามสั่ง เรียกว่าจะงานยาก งานง่าย ก็พร้อมดั้นด้นค้นหามา “เสิร์ฟให้” โดยไม่ต้องสั่งในปริมาณมากก็เต็มใจให้บริการ

“ถ้าลูกค้ามีโจทย์ให้ ไม่ว่าจะงานใหญ่ๆ อย่าง โต๊ะ ตู้ เตียง แค่ส่งรูปมาให้ดู เราสามารถตีราคา และจัดหามาให้ได้ เพราะเราเชี่ยวชาญในการจัดหาอยู่แล้ว..นี่คือความถนัดของเรา”

เธอยังบอกว่า ที่ธุรกิจต้องปรับตัวมาในทิศทางนี้ เพราะต้องการสร้าง “จุดต่าง” เนื่องจากตลาดกระเบื้องสุขภัณฑ์มีคู่แข่งอยู่เยอะมาก การจัดเต็ม “บริการเสริม” ก็เพื่อเป็นจุดแข็งให้ เอส.ซี กรุ๊ป ผู้พร้อมสนอง Need มากกว่าสินค้าในโชว์รูม และเหนือความคาดหวังของลูกค้า ที่สำคัญบริการบนความรับผิดชอบสูงสุด เพื่อไม่ให้เสียชื่อธุรกิจที่พ่อสร้าง

“ไม่ว่าสินค้านั้นจะนำเข้าจากจีน หรือเวียดนาม เราการันตีของทั้งหมดให้ลูกค้า เรียกว่า ถ้ามีปัญหา ก็จะเข้าไปดูแลทันที นี่คือสิ่งที่เรียนรู้จาก คุณพ่อ ซึ่งมองว่าจะทำให้ธุรกิจยั่งยืนได้อย่างแท้จริง”

ทุกวันนี้เจเนอเรชั่นที่ 3 กำลังศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย แต่คนรุ่น 2 บอกเราว่า ไม่ได้บังคับให้หลานๆ เข้ามาสานต่อธุรกิจ เพราะมองว่าสามารถให้มืออาชีพมาทำงานแทนได้ แต่ถ้าใครสมัครใจก็พร้อมเปิดโอกาสให้เรียนรู้เสมอ

“การจะมาสานต่อธุรกิจครอบครัว ให้ยั่งยืน มองว่า ต้องเริ่มจากความชอบก่อน ทายาทต้องอินกับธุรกิจครอบครัว เพราะถ้าไม่รู้สึกชอบ เวลาเห็นคนอื่นทำอะไรดีหน่อย เราก็อยากไปทำแบบเขา แต่ถ้าเราชอบธุรกิจของเรา ก็จะพยายามทำให้มันดี และดีขึ้นอีก จนสามารถต่อยอดกิจการให้เติบโต และยั่งยืนได้ ด้วยตัวของเรา”

หนึ่งมุมคิดของการสานต่อธุรกิจครอบครัว เพื่อให้กิจการยุคผลัดใบยังเติบใหญ่และงดงามกว่ารุ่นแรก

....................................
Key to success
สูตรธุรกิจเติบใหญ่ในมือทายาท
๐ต่อยอดโอกาส จากฐานลูกค้าเดิม
๐ ปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย
๐ รักษาจุดแข็งของธุรกิจยุคเก่า ซื่อสัตย์ ใส่ใจลูกค้า
๐ เก่งด้าน Sourcing ขยายความเก่งให้เป็นธุรกิจ
๐ ทายาทต้องรักในธุรกิจครอบครัว