นิปปอนแพ็คผนึกยูดีทาวน์ผุดโรงแรมอุดร

นิปปอนแพ็คผนึกยูดีทาวน์ผุดโรงแรมอุดร

นิปปอนแพ็ค เร่งระดมทุนขยายไลน์ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติก ร่วมทุนยูดีทาวน์ หวังพัฒนาโครงการโรงแรม-ศูนย์ประชุม ที่อุดรธานี

นายสุรพงษ์ เตรียมชาญชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท นิปปอนแพ็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติก เปิดเผยว่า บริษัทได้เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 300 ล้านบาท เป็น 366 ล้านบาท เพื่อขยายไลน์ธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจในกลุ่มอาหารและค้าปลีก เพราะให้ผลตอบแทนดีกว่าธุรกิจบรรจุภัณฑ์ โดยจะเป็นการร่วมทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจที่มีความแข็งแกร่ง นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะขยายไลน์ไปสู่ธุรกิจอาหารพร้อมรับประทาน

ล่าสุดได้ร่วมทุนกับบริษัท อุดรพลาซ่า จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้ายูดี ทาวน์ ในจ.อุดรธานี ในสัดส่วน 20.51% หรือคิดเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนบริษัท จำนวน 8 แสนหุ้น เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 80 ล้านบาท เพื่อใช้ในการลงทุนทางธุรกิจกับพันธมิตรทางธุรกิจ 2-3 ราย

ทั้งนี้ การร่วมทุนดังกล่าวเพื่อสร้างโรงแรมในราคาที่แข่งขันได้ รวมถึงศูนย์ประชุม และยังเป็นช่องทางในการกระจายสินค้าในกลุ่มธุรกิจอาหารของบริษัท ผ่านตัวแทนร้านค้าของยูดี ทาวน์กว่า 8,000 ร้านค้าที่กระจายอยู่ใน 6 จังหวัด ได้แก่ อุดรธานี ขอนแก่น หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู และเลย โดยการร่วมมือทางธุรกิจในครั้งนี้ จะทำให้ผลกำไรของบริษัทเพิ่มขึ้นประมาณ 10-15% ซึ่งจะเห็นได้ในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ ขณะที่เป้าหมายธุรกิจปีนี้คาดว่าจะเติบโต 40%

ด้านนายธนกร วีรชาติยานุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อุดรพลาซ่า จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้ายูดี ทาวน์ เปิดเผยว่า การร่วมทุนในครั้งนี้ถือเป็นการเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจศูนย์การค้า รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้อง และยังเป็นการลดต้นทุนทางการเงินลดลงจาก 6.2% เหลือ 4% โดยเตรียมแผนที่จะพัฒนาโครงการโรงแรมและศูนย์ประชุม ระดับ 4 ดาว จำนวน 120 ห้อง งบลงทุนประมาณ 120 ล้านบาท บนพื้นกว่า 2 ไร่ บริเวณศูนย์การค้ายูดี ทาวน์ จ.อุดรธานี เพื่อรองรับนักธุรกิจ รวมถึงนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ โดยปัจจุบันมีสัดส่วนลูกค้าที่เป็นคนในพื้นที่ 70% และลูกค้าจังหวัดใกล้เคียงและลูกค้าจากลาวอีกราว 30%

นอกจกนี้ อุดรพลาซ่ายังเตรียมแผนที่จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ซึ่งคาดว่าจะเป็นในปีหน้า เพื่อสร้างความแข็งแกร่งในเรื่องของการขยายธุรกิจในอนาคต เพราะมองว่าศูนย์การค้าฯ ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก และยังมีแผนเพิ่มสัดส่วนเชนร้านอาหารจากเดิมที่มีอยู่ 40% ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจา และอีก 60% เป็นพื้นที่แฟชั่น ความงาม บริการ และบันเทิง ขณะที่รายได้ปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 150 ล้านบาท โต 10-15% จากปีก่อนที่ทำได้ 140 ล้านบาท