กลยุทธ์เลอค่า ฉบับไซรัส ธัญญา

กลยุทธ์เลอค่า ฉบับไซรัส ธัญญา

ไม่ได้เกิดจากแต้มต่อ หรือมีสะพานที่ทอดรอ แต่เป็นเพราะการค้นพบตัวตนและความที่มี "ใจรัก"ในอัญมณีและเครื่องประดับ ตั้งแต่ครั้งวัยเยาว์

เขาเก็บสะสมและมีหนังสือที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มากกว่าหนังสือเรียน หรือหนังสือแนวอื่นๆ


คือบทสรุปที่ "ใช่" สำหรับเส้นทางความสำเร็จของ "ศิรัส ธัญญวัฒนกุล" ผู้ก่อตั้งเครื่องประดับจิวเวลลี่แบรนด์ "ไซรัส ธัญญา"(Sirus Tanya) ซึ่งเป็นที่ยอมรับในแวดวงไฮโซไทยและอีกหลายต่อหลายประเทศ


เร็ว ๆนี้ ไซรัส ธัญญา กำลังจะมีหน้าร้านภายในห้างชื่อดังอย่างสยามพารากอน


ที่กล่าวเช่นนี้คงเพราะ ศิรัส เป็นทายาทธุรกิจของบริษัท สุนทรธัญทรัพย์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่าย ข้าวสารบรรจุถุงตราไก่แจ้ ซึ่งเป็นธุรกิจทางการเกษตรที่ไม่เกี่ยวข้องเลยแม้แต่น้อยกับจิวเวลรี่ที่เต็มไปด้วยความสวยงามจนน่าหลงใหล


อย่างไรก็ดี เขายอมรับว่าคงจะไม่มีวันนี้ หากครอบครัวไม่เปิดกว้างให้เขาได้ทดลองทำในสิ่งที่มีใจรัก รวมถึงการมีโลกทัศน์กว้างไกลมอบโอกาสให้เขาได้ไปศึกษาต่อยังประเทศที่ก้าวหน้าอย่างสหรัฐอเมริกา


ศิรัสจบปริญญาตรีด้านธุรกิจการตลาด จาก California Stated University of Long Beach และปริญญาโท ด้านการจัดการสำหรับการเป็นผู้ประกอบการที่ Pace University ในมลรัฐนิวยอร์ค ซึ่งถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางของตลาดอัญมณีและเครื่องประดับที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งของโลก


นอกจากนั้นแล้ว เขายังลงเรียนที่สถาบัน Gemological Institute of America หรือที่หลายคนรู้จักดีในชื่อย่อ GIA เพื่อให้รู้ในเชิงลึก


ดังนั้น จึงเหมือนเป็นยิงปืนครั้งเดียว แต่ได้นกถึงสองตัว เพราะสิ่งที่ศิรัสได้รับก็คือ ภาษาอังกฤษ และ การได้เข้าไปเรียนรู้ในดงอัญมณีและเครื่องประดับจริงๆ


ศิรัสกล่าวว่า วิชาที่ร่ำเรียนในห้องเรียนช่วยสร้างฐานของธุรกิจในระดับหนึ่ง ในแง่ของความคิดที่เป็นระบบ หากแต่ชั้นเชิงในการทำธุรกิจต้องอาศัยการสะสมแต้มโดย "อิน" จากประสบการณ์ที่ได้ลงมือปฏิบัติจริง


นักธุรกิจหนุ่มวัยเพียง 29 ปีคนนี้ ได้ทดลองทำธุรกิจเครื่องประดับตั้งแต่ยังร่ำเรียนอยู่ วิธีการของเขาก็คือ ทดลองออกแบบและผลิตเครื่องประดับให้กับญาติมิตรและคนสนิท และด้วยฝีมืออันปราณีตจึงสามารถสร้างพลังของการบอกต่อ (Word-of- Mouth) จากเดิมที่มีลูกค้าวงเล็กๆ ก็เริ่มขยายเป็นวงใหญ่ขึ้นทีละน้อย ๆ


"เราต้องทำธุรกิจอย่างคนจน"


นี่คือแนวคิดในการสร้างธุรกิจของศิรัส กรุงโรมไม่ควรถูกสร้างขึ้นภายในวันเดียว แต่ต้องเป็นไปอย่างระมัดระวัง และค่อยเป็นค่อยไป


ศิรัส ใช้เวลาสั่งสมประสบการณ์และฐานลูกค้าเป็นเวลาราว 10 ปี จึงค่อยเปิดตัวในรูปแบบของธุรกิจที่จริงจังเมื่อสองปีที่ผ่านมา (ในรูปบริษัท รวมถึงเปิดบูธขายสินค้าในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ)


อะไรคือปัจจัยที่ทำให้แบรนด์ ไซรัส ธัญญา ประสบความสำเร็จ?


ศิรัสบอกว่า เกิดจากความพิถีพิถันทุกขั้นตอน ในการผลิตเริ่มต้นจากคัดสรรอัญมณีทุกเม็ดด้วยตัวเอง พร้อมทั้งทีมดีไซน์เนอร์และทีมช่างทำตัวเรือน ที่มีประสบการณ์ ส่วนเอกลักษณ์ ที่สร้างความ แตกต่าง ก็คือ ลักษณะของงานสั่งทำ (Customized Jewelry) ที่สามารถตอบสนองจินตนาการของลูกค้าให้กลายเป็นจริง โดยให้ลูกค้าอธิบายอารมณ์ความรู้สึกเครื่องประดับที่พวกเขาต้องการ จากนั้นทางทีมงานจะสเก็ตภาพตามคำอธิบายของลูกค้าเพื่อให้เห็นรูปร่าง ลักษณะแบบสินค้าที่ลูกค้าต้องการมากที่สุดแล้วจึงค่อยผลิตออกมาเป็นชิ้นงาน


รวมทั้งแบรนด์ ไซรัส ธัญญา กำลังมีการออกแบบซอฟต์แวร์ เพื่อสร้างโปรแกรมที่สามารถจำลองการสวมใส่เครื่องประดับของลูกค้าที่เสมือนจริง เพื่อช่วยสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าว่าเครื่องประดับมี ความเหมาะสมกับตัวเองมากน้อยเพียงไร


"จากความละเอียดของชิ้นงาน ซึ่งเกิดจากช่างที่มากประสบการณ์ของเรา ทำให้ลูกค้าต่างก็พึงพอใจในผลงาน แม้แต่ลูกค้าจากต่างประเทศ กระทั่งมีการสั่งทำอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด"


ที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นเรื่องของคุณภาพ แต่ปัจจัยที่อยู่เหนือทุกสิ่งกลับเป็นเรื่องของความ "ซื่อสัตย์"


"ไม่ว่าจะผ่านไปเป็นสิบๆปี คำพูดของเราที่แนะนำลูกค้าในวันนี้ก็จะยังคงเหมือนเดิม" หากใช้กลยุทธ์ ตีหัวเข้าบ้าน ธุรกิจคงไม่อาจดำเนินได้อย่างต่อเนื่อง ยืนยาว


นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงการให้ "บริการที่ดี" ทั้งก่อนและหลังการขาย


เมื่อถามว่า ไซรัส ธัญญา มีความหวั่นไหว และมีความท้าทายหรือไม่ ต่อภาวะเศรษฐกิจ ที่เป็นอยู่ ซึ่งเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ทั้งหุ้นไทยและหุ้นทั่วโลก ต่างพากันร่วงระนาวทั้งกระดาน


คำตอบของศิรัส ก็คือ เครื่องประดับที่จับตลาดไฮเอนด์นั้นอยู่เหนือวิกฤต อยู่เหนือกาลเวลา เพราะลูกค้าไฮโซมีเงินพร้อมจ่ายเสมอกับอารมณ์ความรู้สึกที่พอใจ และถูกใจ


ไม่ว่าจะอย่างไร ธุรกิจย่อมต้องการการเติบใหญ่ และมีเป้าหมายขยายตลาดให้กว้างยิ่งขึ้น


เพื่อให้บรรลุผล ไซรัส ธัญญา ได้ใช้กลยุทธ์การออกงานแฟร์ ต่างๆ เช่น Bangkok Gems and Jewelry Fair, Wedding Fair ตลอดจนลงโฆษณาในนิตยสารชั้นนำ ในสื่อออนไลน์ผ่าน โซเชียลมีเดีย เช่น เฟสบุค อินสตาแกรม ทวิตเตอร์ ยูทูบและในเว็บไซต์


ศิรัส กล่าวทิ้งท้ายว่า โหมดการทำงานของเขามีอยู่ด้วยกัน 2 โหมด ในโหมดแรกก็คือ การทำหน้าที่บริหารไซรัส ธัญญา แต่อีกโหมดก็คือ เข้าไปช่วยธุรกิจครอบครัว


จึงอย่าแปลกใจ หากได้พบเจอเขาในชุดแต่งกายที่แสนธรรมดาสามัญ เพราะแสดงว่าเวลานั้น เขากำลังสวมบทของทายาทธุรกิจข้าวสารบรรจุถุงตราไก่แจ้อยู่..นั่นเอง