ปัญหาภาษีเงินได้นิติบุคคลครึ่งปี (1)

ปัญหาภาษีเงินได้นิติบุคคลครึ่งปี (1)

ขอนำประเด็นปัญหาการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลครึ่งรอบระยะเวลาบัญชี สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีปี 2556

ที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม 2556 มาปุจฉา - วิสัชนา ดังนี้
ปุจฉา ในทางปฏิบัติกรมสรรพากรได้กำหนดแนวทางในการพิจารณากรณีประมาณการกำไรสุทธิขาดไปเกินกว่า 25% ของกำไรสุทธิ ซึ่งได้จากกิจการหรือเนื่องจากกิจการที่กระทำในรอบระยะเวลาบัญชีนั้นตามแบบ ภ.ง.ด.50 หรือตามผลการตรวจสอบของเจ้าพนักงาน แล้วแต่กรณี ว่ามีเป็นกรณีที่มีเหตุอันสมควรหรือไม่ อย่างไร
วิสัชนา กรณีประมาณการกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลครึ่งรอบระยะเวลาบัญชีตามแบบ ภ.ง.ด.51 ขาดไปเกินกว่า 25% ของกำไรสุทธิ ซึ่งได้จากกิจการหรือเนื่องจากกิจการที่กระทำในรอบระยะเวลาบัญชีนั้นตามแบบ ภ.ง.ด.50 หรือตามผลการตรวจสอบของเจ้าพนักงาน แล้วแต่กรณี โดยไม่มีเหตุอันสมควร ซึ่งบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลดังกล่าวต้องรับผิดเสียเงินเพิ่มอีก 20% ของภาษีที่ชำระขาด ตามมาตรา 67 ตรี แห่งประมวลรัษฎากร นั้น กรมสรรพากรมีแนวทางในการพิจารณา “เหตุอันสมควร” ตามมาตรา 67 ตรี แห่งประมวลรัษฎากร ดังนี้
1. กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ได้จัดทำประมาณการกำไรสุทธิและยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีครึ่งปีไว้ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ได้ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในรอบระยะเวลาบัญชีที่แล้ว ถือว่ามีเหตุอันสมควร ทั้งนี้ ตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 50/2537
2. กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลประมาณการกำไรสุทธิขาดไปเกินกว่าร้อยละ 25 ของกำไรสุทธิซึ่งได้จากการประกอบกิจการ โดยมีเหตุการณ์ดังต่อไปนี้ ถือว่ามีเหตุอันสมควร ทั้งนี้ ตามข้อ 3 ของแนวทางปฏิบัติกรมสรรพากรที่ มก. 9/2550 ลงวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2550
(1) กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่เริ่มมีรายได้จากการประกอบกิจการในรอบระยะเวลา 6 เดือนหลังของรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มมีรายได้จากการประกอบกิจการ (รายได้จากการประกอบกิจการ ไม่รวมถึง การนำเงินไปหาประโยชน์โดยฝากธนาคาร บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ หรือซื้อพันธบัตรหรือหลักทรัพย์ที่ได้รับมาก่อนไม่ว่าในรอบระยะเวลาบัญชีนี้หรือรอบระยะเวลาบัญชีก่อน)
(2) กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติมตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่เพื่อปรับปรุงรายได้เพิ่มขึ้น ตามข้อเท็จจริงของผลการตรวจสภาพกิจการ
(3) กรณีมีการขายทรัพย์สินที่ใช้ในการประกอบกิจการในรอบระยะเวลาบัญชี 6 เดือนหลัง ของรอบระยะเวลาบัญชี และมีกำไรจากการขายทรัพย์สินดังกล่าว
(4) อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำลง ทำให้ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดต่ำลงด้วย
(5) การส่งสินค้าออกมีความไม่แน่นอน ทั้งปริมาณและราคาสินค้า หรือมีการยกเลิกการควบคุมราคาหรือปริมาณสินค้าส่งออก
(6) การรับจ้างที่มีค่าจ้างไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับผู้ว่าจ้างและความยากง่ายของงานที่ทำ
(7) อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเปลี่ยนแปลงอย่างผิดปกติ

พบกันใหม่สัปดาห์หน้าครับ