ลงทุนจริงหรือเก็งกำไรในทองคำ?

ลงทุนจริงหรือเก็งกำไรในทองคำ?

"กรุงเทพธุรกิจทีวี"เกาะติดเทรดทองออนไลน์ ผู้ประกอบการแนะรัฐคุมเข้มซื้อขายทองคำแบบ "สมดุล" หวั่นกระทบระบบเทรดย้ายฐานสิงคโปร์

รายการบิสิเนส ทอล์ค กรุงเทพธุรกิจทีวี เชิญ นายกฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก ผู้ค้าทองคำรายใหญ่สุดของประเทศ นายสมชาย พรจินดารักษ์ นายกสมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครื่องประดับ ร่วมเสวนา "ลงทุนจริงหรือเก็งกำไรทองคำ" ดำเนินรายการโดย นายนพคุณ ลิ้มสมานพันธ์ บรรณาธิการบริหารกรุงเทพธุรกิจทีวี

ผู้ค้าทองคำรายใหญ่มอง "เก็งกำไร" ค่าเงินบาทผ่านทองคำทำได้ยาก เพราะราคาวิ่งสวนทางกัน แนะภาครัฐคุมเข้มซื้อขายทองคำแบบสมดุล หวั่นกระทบระบบเทรดย้ายฐานไปสิงคโปร์

นายกฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก ผู้ค้าทองคำรายใหญ่สุดของประเทศ กล่าวว่า "ปริมาณ" การซื้อขายทองคำแท่งในตลาดทันที (spot market) มากกว่าการซื้อขายในตลาดล่วงหน้า หรือ gold futures market ถึง 10 เท่า ยืนยันว่าไม่มีการ "เก็งกำไร" ค่าเงินบาทผ่านการนำเข้าทองคำ เพราะการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทกับทองคำสวนทางกัน

"กรุงเทพธุรกิจทีวี" สอบถามผู้ร่วมเสวนาถึงความเกี่ยวโยงกันระหว่างการนำเข้าทองคำกับการเก็งกำไรค่าบาท หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ตั้งข้อสังเกตกรณีการแลกเงินเพื่อนำเข้าสินค้า โดยเฉพาะทองคำ มีสัญญาณบ่งชี้ว่ามีการเก็งกำไรค่าเงินบาทเกี่ยวเนื่องด้วย

นายกฤชรัตน์ ให้ความเห็นต่อเรื่องนี้ว่า การเก็งกำไรค่าเงินบาทกับทองคำเป็นไปได้ยากมาก เพราะทิศทางของราคาสวนทางกัน เมื่อไรก็ตามที่ค่าบาทแข็ง ดอลลาร์อ่อน ราคาทองจะลง ในทางกลับกัน ถ้าบาทอ่อน ดอลลาร์แข็ง ราคาทองจะขึ้น

นอกจากนี้ผู้ประกอบการนำเข้าและส่งออกทองคำยังได้ทำประกันความเสี่ยงค่าเงินบาทในการนำเข้าหรือส่งออกทองคำด้วย ยกตัวอย่าง หลังจากเฟดสร้างความประหลาดให้กับตลาดด้วยการคงนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน (QE) แทนที่จะลดลงตามคาด ทำให้ราคาทองคำในตลาดโลกปรับขึ้นทันที 60-70 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะเดียวกันเงินบาทแข็งค่าทันที 50 สตางค์ เกือบหลุดที่ระดับ 31 บาทต่อดอลลาร์

กรณีนี้หากค่าบาทไม่ขยับจะส่งผลให้ราคาทองเพิ่มขึ้น 900 บาทต่อบาททองคำ แต่เมื่อบาทแข็งค่า ราคาทองจึงขยับขึ้นเพียง 500 บาทต่อบาททองคำ

อย่างไรก็ดี เป็นที่น่าสังเกตว่าในช่วงที่ผ่านมา ประเทศไทยเริ่มมีการนำเข้าทองคำแท่งในปริมาณที่มากขึ้น พร้อมๆ กันกับที่ปริมาณการซื้อขายทองคำแท่งในตลาดซื้อขายทันทีเพิ่มสูงขึ้นในปริมาณมากเช่นกัน ล่าสุดไทยมีปริมาณการนำเข้าทองคำแท่งมากเป็นอันดับ 3 ในเอเชีย รองจากจีน และอินเดีย

นำเข้า7เดือน3.2แสนล้าน

นายสมชาย พรจินดารักษ์ นายกสมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครื่องประดับ ให้ข้อมูลว่า ปริมาณการนำเข้าทองคำแท่ง 7 เดือนแรกปีนี้ของไทยคิดเป็นมูลค่าประมาณ 327,000 ล้านบาท เทียบกับการส่งออกในงวดเดียวกันมูลค่าประมาณ 60,000 ล้านบาท สำหรับยอดน้ำเข้าทองคำแท่งของปี 2555 มีมูลค่าประมาณ 385,000 ล้านบาท

ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเริ่มพบว่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาปริมาณการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศจากเงินบาทเป็นดอลลาร์เพื่อนำเข้าทองคำแท่ง "สูงกว่า" มูลค่านำเข้าทองคำที่แท้จริง ทั้งนี้มีการตั้งข้อสังเกตกันว่าการเก็งกำไรค่าเงินบาทผ่านทองคำ ทำได้โดยการแลกเงินบาทเป็นดอลลาร์เพื่อซื้อทองคำแท่งในช่วงบาทแข็งค่า จากนั้นแลกดอลลาร์กลับเป็นบาทในช่วงบาทอ่อน โดยที่อาจจะยังไม่ได้ซื้อทองคำ ทำให้ได้กำไรส่วนต่างจากค่าเงิน

อย่างไรก็ตาม จวบจนล่าสุดผู้ค้าทองคำรายใหญ่ของประเทศ ซึ่งปัจจุบันมี 5 ราย (ยอดเทรดทองคำรวมกัน 90% ของตลาดรวม) ต่างอ้างว่าการแลกเงินบาทเป็นดอลลาร์เพื่อซื้อทองคำแท่งอาจจะต้องมีเผื่อไว้บ้าง เพื่อให้เกิดความคล่องตัวต่อการบริหาร กรณีมีคำสั่งซื้อมากกว่าขาย ด้านผู้ประกอบการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับต่างอ้างว่า มีการใช้ทองตามความจำเป็น แต่อาจจะมีตุนไว้บ้างช่วงที่ทองราคาถูก

"ในฐานะผู้ค้าอัญมณี ได้ซื้อทองคำแท่งตุนไว้จำนวนมากช่วงที่ทองมีราคาลง โดยเฉพาะช่วงเดือนเม.ย.ราคาทองแตะระดับ 17,000 - 18,000 บาท" นายสมชายกล่าว

ราคาทองวูบหนุนความต้องการพุ่ง

นายกฤชรัตน์ ให้ข้อมูลว่า สาเหตุที่ไทยนำเข้าทองคำในปริมาณสูงในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา ไม่ได้เป็นเรื่องน่าแปลกใจ โดยเฉพาะในเดือน เม.ย.ที่ราคาทองคำหล่นลงมาแตะระดับ 18,000 บาทต่อบาททองคำ จากปลายปีที่แล้วที่ระดับ 25,000-26,000 บาทต่อบาททองคำ กระตุ้นให้เกิดความต้องการทองคำเพิ่มมากขึ้น เพราะคนไทยนิยมสะสมทองคำในรูปของทองรูปพรรณมาเป็นเวลาเกือบ 100 ปี ประกอบกับพฤติกรรมการซื้อในปัจจุบันได้เปลี่ยนเป็นสะสมในรูปของทองคำแท่งมากขึ้น

อย่างไรก็ดี รูปแบบการซื้อขายทองคำแท่งได้พัฒนาจากซื้อขายที่ร้านทอง หรือที่เรียกว่า "ตู้แดง" ซึ่งมีกว่า 7,000 แห่งทั่วประเทศ เป็นการซื้อขายออนไลน์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ให้บริการโดยผู้ค้าทองรายใหญ่ 5 ราย และรายเล็ก 10 ราย

นายกฤชรัตน์ กล่าวด้วยว่า การซื้อขายทองคำแท่งในไทยเริ่มบูม หลังจากที่ราคาทองทะลุ 10,000 บาท จนไปแตะที่สูงสุด 27,000 บาท ในเดือนก.ย.ปี 2552 หลังจากนั้น 2 ปี ไทยมีตลาดซื้อขายอนุพันธ์ มีผลิตภัณฑ์ซื้อขายทองคำแท่งล่วงหน้า หรือ โกลด์ฟิวเจอร์ส ตามด้วยกองทุนรวมเพื่อลงทุนในทองคำแท่ง

ไทยซื้อขาย"ตลาดทันที"สูงกว่าโกลด์ฟิวเจอร์

"โดยปกติในตลาดโลก ปริมาณการซื้อขายโกลด์ฟิวเจอร์สจะมากกว่าปริมาณซื้อขายทองคำในตลาดทันทีกว่า 100 เท่า แต่ในไทยการซื้อขายทองคำในตลาดทันทีมากกว่าปริมาณซื้อขายสัญญาทองคำล่วงหน้ากว่า 10 เท่า" นายกฤชรัตน์กล่าว

ในเรื่องนี้ นายสมชายให้ความเห็นว่า แสดงว่าทองคำอยู่ในมือรายย่อยมากกว่ารายใหญ่ เพราะซื้อขายสัญญาทองคำล่วงหน้ามักจะเกิดจากธุรกรรมของรายใหญ่ ดังนั้นภาครัฐควรสนับสนุนภาคเอกชนในด้านนี้ให้มากกว่านี้

นายกฤชรัตน์ มองด้วยว่า ไทยถูกจัดให้เป็นอันดับหนึ่งของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในเรื่องของการเทรดทองคำ ในทุกๆ ด้าน อาทิ ความรู้ความเข้าใจของผู้ลงทุน ระบบการซื้อขายแบบออนไลน์ที่ได้พัฒนามากว่า 7-8 ปี จนสามารถเทรดได้ตลอด 24 ชั่วโมง

เชื่อว่าผู้ค้าทองในประเทศมากกว่า 90-95% เป็นผู้ค้าที่ประพฤติดี ดังนั้นทางการควรดำเนินการกับผู้ที่ประพฤติไม่ดี มิฉะนั้นทั้งระบบการซื้อขายทองคำและบุคลากรของไทยอาจจะถูกดึงไปอยู่ที่สิงคโปร์

"การตรวจสอบมองว่าดี แต่ควรให้ธุรกิจเติบโตไปด้วยกัน โดยให้อยู่ในจุดสมดุล"