ไทยติดท็อปไฟว์ไอบีอาเซียน รายได้$176ล.

ไทยติด 1 ใน 5 ตลาดแรกของอาเซียนสามารถทำรายได้มากสุด 176 ล้านดอลลาร์ สูงเป็นประวัติการณ์เทียบ 121 ล้านดอลลาร์ปีก่อน
ดีโลจิก บริษัทผู้ให้บริการด้านข้อมูลทางการเงินชั้นนำระดับโลก ได้เผยแพร่ข้อมูลเป็นภาพรวมรายได้ในภาคธุรกิจวาณิชธนกิจ หรือ ไอบี ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ประจำไตรมาส 3 ปี 2556 ระบุให้ตลาดไทยติดอันดับหนึ่งในห้า ตลาดธุรกิจวาณิชธนกิจ ที่สามารถทำรายได้สูงสุดในอาเซียน ซึ่งตลาดไอบีไทยเป็นเพียงประเทศเดียวที่รายได้ในธุรกิจนี้ขยายตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยช่วงเดือนม.ค.จนถึงเดือนก.ย.ปี 2556 มีรายได้ในธุรกิจวาณิชธนกิจกว่า 176 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 5.4 พันล้านบาท สูงขึ้น 46% เทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน
เมื่อแยกสำรวจตลาดรายประเทศ ปรากฏว่า สิงคโปร์ยังเป็นตลาดที่ทำรายได้สูงสุดในตลาดธุรกิจวาณิชธนกิจในอาเซียนประจำปี 2556 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 358 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 1.12 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 18% เทียบปีก่อนและเป็นการตัวเลขทำได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์
ขณะที่ธุรกิจวาณิชธนกิจในตลาดอินโดนีเซีย สามารถทำเงิน 189 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 5.89 พันล้านบาท เป็นรายได้เพิ่มขึ้น 2% ในปีนี้เทียบจากปีก่อน ส่วนมาเลเซีย เป็นตลาดของธุรกิจวาณิชธนกิจ ที่เคยรั้งตำแหน่งตลาดผู้นำทำรายได้จากไอบีมากสุดในอาเซียนปี 2555 กลับประสบกับรายได้จากไอบีหดตัวลงอย่างมาก โดยปีนี้ธุรกิจไอบีในมาเลเซียทำรายได้รวมปีนี้ 185 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 5.7 พันล้านบาท ลดลงถึง 58 % เทียบปีก่อน
นอกจากนี้ดีโลจิกยังจัดอันดับวาณิชธนกิจ ที่ทำรายได้สูงสุดในตลาดอาเซียน ยกให้ยูบีเอสมีรายได้สูงสุดปี 2556 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีส่วนแบ่งการใช้จ่ายเงินของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย (Wallet share) อยู่ที่ 8.1% ตามด้วยเครดิต สวิส และดีบีเอส ที่สัดส่วน 6.9% และ 4.8 % ตามลำดับ และยูบีเอส ยังครองตำแหน่งผู้นำธุรกิจไอบีที่ทำรายได้จากตลาดหุ้นอาเซียนมากสุดประจำปี 2556 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยมีส่วนแบ่งอยู่ที่ 16.4% ขณะที่อันดับสองอย่างเครดิต สวิส มีส่วนแบ่งอยู่ที่ 8.8%
ดีโลจิกยังอธิบายถึงภาพรวมตลาดไอบีอาเซียนว่า มีรายได้รวมช่วงปี 2556 จนถึงขณะนี้อยู่ที่ 1.1 พันล้านดอลลาร์ ลดลง 14% จากระดับ 1.2 พันล้านดอลลาร์ช่วงเดียวกันปีที่แล้ว และในข้อมูลของดีโลจิก เพิ่มเติมว่าแม้รายได้รวมของไอบีจะหดตัว
แต่หากแยกรายได้ที่ผู้เล่นในธุรกิจไอบีทำได้จากตลาดหุ้นอาเซียนอยู่ที่ 386 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 1.2 หมื่นล้านบาทในปีนี้ ถือว่าขยายตัวมากเป็นอันดับ 2 รองจากธุรกิจไอบี ส่วนรายได้จากควบรวมและซื้อกิจการ (เอ็มแอนด์เอ) ขยายตัวอันดับ 3 อยู่ที่ 263 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ เพิ่มขึ้น 2% เทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2555