ชี้เพดานหนี้สหรัฐ บทเรียนการเมืองล้วงลูก
"อำพน"เผยสหรัฐขยายเพดานหนี้ตามคาด เชื่อเศรษฐกิจสหรัฐไม่ฟื้นทันทีทันใด ระบุเหตุการณ์ชี้ให้เห็นบทเรียนนักการเมืองล้วงลูกนโยบายการเงิน-คลัง
นายอำพน กิตติอำพน ประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวสถานการณ์ล่าสุดการที่ประเทศสหรัฐอเมริกาผ่านร่างกฏหมายขยายเพดานหนี้ เป็นไปตามที่คณะทำงานกำกับการบริหารนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลได้ประเมินไว้และได้มีการรายงานต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามการขยายเพดานหนี้ของสหรัฐ ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐ กลับไปดีขึ้นแบบทันทีทันใด หรือไม่ได้ทำให้เกิดการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจดีขึ้นกว่าเดิม เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีการฟื้นตัวอย่างช้าๆ การขยายเพดานหนี้เป็นแค่การทำให้ระบบกลไกทางเศรษฐกิจกลับมาเดินได้เหมือนเดิมเท่านั้น
"เมื่อสหรัฐฯขยายเพดานหนี้ผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยนจึงไม่เกิดขึ้น แต่หากไม่ขยายเพดานหนี้เงินจะไหลออกจากสหรัฐ มาในภูมิภาคเอเชียซึ่งรวมทั้งไทยด้วยจะทำให้อัตราแลกเปลี่ยนผันผวน และกระทบต่อค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น"
นายอำพน กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับสหรัฐฯ ประเทศไทยควรจะนำมามาศึกษาเป็นบทเรียน เพราะช่วงหลังการเมืองของสหรัฐ เข้ามามีส่วนในกระบวนการตัดสินใจที่เกี่ยวข้องกับการเงินการคลังมากขึ้น ซึ่งลักษณะเช่นนี้เกิดผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจอย่างไร ประเทศไทยควรนำมาเป็นบทเรียน ขณะเดียวกันธปท.ควรจะต้องมีกลไกรองรับการเคลื่อนย้ายเงินทุนเพิ่มมากขึ้นกว่าแค่การใช้เรื่องอัตราดอกเบี้ยในการรองรับเพียงอย่างเดียว
"ระบบการเงินโลกไม่เคยนอนหลับมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเป็นรายชั่วโมงหรือรายวัน การปรับตัวรองรับกับกลไกโลกาภิวัตรเช่นนี้จะทำเช่นไรให้การเงินมีเสถียรภาพมากขึ้น เพราะช่วงเดือนมี.ค.-เม.ย. 2556 ที่ผ่านมาเงินบาทแข็งค่าผันผวนทำให้ผู้ประกอบการรายย่อยได้รับผลกระทบจำนวนมากจากอัตราแลกเปลี่ยน ส่วนนี้ธปท.ควรให้ความสำคัญมากขึ้น"นายอำพนกล่าว